นครศรีธรรมราช - ตร.ยังไล่ล่า 2 ผู้ต้องหาเครือข่ายคุกนครศรีฯ ที่เหลือในหมายจับล็อตแรก คาดยังมีทรัพย์สินซุกอีกนับร้อยล้าน ส่วนอีกกว่า 20 รายส่งสำนวนรอเลขาธิการ ป.ป.ส.อนุมัติระทึก ขณะเดียวกัน ทำการล่อซื้อจนรวบผู้ต้องหาหนึ่งในเครือข่ายคุกได้อีกรายแล้ว พร้อมของกลางมูลค่ากว่า 1 แสนบาท
วันนี้ (25 ส.ค.) การปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดจากนักโทษในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดนั้น ทางกองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้ส่งสำนวนการสืบสวนสอบสวนเครือข่ายค้ายาเสพติด รวมทั้งเครือข่ายที่ให้การสนับสนุนการค้ายาเสพติด ประกอบด้วยหลักฐานจำนวนมากส่งไปยังสำนักงานป้องกันและปราบยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.เพื่อให้เลขาธิการ ป.ป.ส.พิจารณาอนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหาชุดที่ 2 อีกกว่า 20 รายแล้ว ซึ่งเป็นการใช้อำนาจปราบปรามยาเสพติดของเลขาธิการ ป.ป.ส.ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยขณะนี้ ยังรอการพิจารณาลงนามหมายจับกุม ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับกุม และยึดทรัพย์ไปอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการจับกุมตามหมายจับชุดแรกนั้น เป็นการจับกุมนายณัฐพล ระย้า อดีตเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญงาน เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช พร้อมภรรยา และเครือข่ายฟอกเงินผ่านบัญชีรวม 5 ราย และนักโทษที่อยู่ในการควบคุมอีก 1 ราย ทั้งนี้ ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 2 รายที่กำลังติดตามไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง โดย พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ยืนยันว่า หากได้ผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 คนมานั้นจะสามารถนำไปสู่การยึดทรัพย์ได้อีกเป็นร้อยล้านบาท รวมทั้งหลักฐานเครือข่ายยาเสพติดจากเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชด้วย
ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย นำโดยนายณัฐพล ระย้า อดีตเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ พร้อมภรรยา และเครือข่ายรวม 5 คน ได้พยายามขอยื่นประกันตัวในชั้นศาลวานนี้ ปรากฏว่าศาลไม่อนุญาตให้มีการประกันตัว ส่งผลให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 รายถูกนำตัวส่งไปยังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชตามคำร้องของพนักงานสอบสวนตั้งแต่ช่วงเย็นของวานนี้ โดยจะต้องถูกจองจำคืนที่ผ่านมาเป็นคืนแรก
นายวัชรวิทย์ วชิรเลอพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุม เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า นายณัฐพล ระย้า ได้ถูกคุมตัวในแดนแรกรับเป็นคืนแรก อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความเครียดนั้นนายณัฐพลไม่มีความเครียดในเรื่องของการควบคุม เนื่องจากเขารู้ขั้นตอน และคุ้นเคยกับเรือนจำอยู่แล้ว อาจจะทำใจไม่ได้บ้าง ส่วนความเครียดนั้นเป็นความเครียดของคดี และการประกันตัว ซึ่งเขาไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ แต่หากพบว่ามีความประพฤติที่ต้องห้ามในเรือนจำจะถูกแยกขังทันที ส่วนภรรยา และผู้ต้องหาหญิงรวม 4 รายนั้น ได้ถูกขังอยู่ที่แดนหญิง ทั้งนี้ ภรรยาของเขานั้นเครียดมาก แต่เป็นธรรมดาของผู้ที่ถูกควบคุมทุกราย เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันทุกด้านที่อาจเกิดขึ้นได้จากความเครียด
ขณะที่นายสุรพล แก้วภราดรัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช กล่าวถึงกรณีอธิบดีกรมราชทัณฑ์จะย้าย 26 นักโทษหัวโจกจากจำนวนนักโทษที่พัวพันยาเสพติดในเรือนจำนครศรีธรรมราชไปยังเรือนจำอื่นว่า ยังไม่ทราบ แต่ทางกรมราชทัณฑ์มีข้อมูลเกี่ยวกับนักโทษที่พัวพันยาเสพติดอยู่แล้ว ส่วนการย้ายไปไหนเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครทราบ คงเป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์เพราะเจ้าหน้าที่ของเรือนจำเราไม่เพียงพอในการดำเนินการ ทั้งนี้ ในส่วนของเครื่องดักฟังสัญญาณโทรศัพท์และเครื่องตัดสัญญาณนั้น ได้ทำเรื่องขอไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งทางอธิบดีรับปากแต่ปัญหายังติดอยู่ที่ไม่มีงบประมาณของกรม เราต้องไปวิ่งของบจากส่วนอื่นเพื่อนำมาทำตรงนี้
ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ยังกล่าวถึงกรณีการจับกุมนายณัฐพล ระย้า อดีตผู้คุมนครศรีธรรมราช ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และถูกยึดทรัพย์ว่า ถือเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้คุมคนอื่นที่ถึงเวลาที่จะต้องยึดคติธรรมที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ใครอยากได้ดีก็ต้องทำดี ใครอยากได้ชั่วก็ทำชั่ว ตนอยากจะให้มีการดำเนินการจับกุมและจัดการอย่างเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปพัวพันทั้งหมดจะได้เหลือแต่คนดีจริงๆ
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ทำให้คนดีเสียขวัญ ทุกวันนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งในกรมราชทัณฑ์ และที่อื่นเขาก็เข้ามาเยี่ยม และเป็นกำลังใจให้แก่ผู้คุมที่ปฏิบัติหน้าที่ดีๆ ซึ่งถามว่าเขาเสียขวัญหรือไม่นั้น แน่นอนอยู่แล้วเรื่องแบบนี้ แต่พยายามให้กำลังใจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้ท้อ หรือกลัว สักพักหนึ่งเราก็จะกลับมามีขวัญกำลังใจที่ดีเหมือนเดิม และทำหน้าที่กันต่อไปเพราะเป็นหน้าที่ และอาชีพที่ทุกคนเลือกแล้วในการดำเนินชีวิต และไม่ทราบว่าแต่ละวันจะต้องพบกับนักโทษประเภทไหน มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมบอกกับผู้ใต้บังคับบัญชามาตลอดว่า วันนี้หากเป็นผู้คุมแล้วกลัวนักโทษ หรือเป็นตำรวจแล้วกลัวโจรก็ลาออกเสียดีกว่า” ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชกล่าว
ส่วนการกวาดล้างจับกุมยาเสพติดที่พบว่ายังคงมีการสื่อสารของนักโทษเล็ดลอดออกมาสั่งการเครือข่ายให้มีการค้ายาเสพติดยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง พ.ต.ท.ชูยศ จินดานคร สารวัตรสืบสวนกองกำกับการสืบสวนภูธรนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ ได้ทำการล่อซื้อยาเสพติดจาก นายสมเกียรติ รัตนพงศ์ อายุ32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90/55 ซอยรุ่งเรือง ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.คลัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้ที่ในตัวเมืองนครศรีธรรมราช หลังจากสืบทราบว่า มีพฤติกรรมเป็นเครือข่ายจำหน่ายยาเสพติดที่เชื่อมโยงกับเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ หลังจากทำการล่อซื้อ นายสมเกียรตินำยาเสพติดเป็นยาไอซ์มามอบให้เจ้าหน้าที่จึงถูกจับกุมพร้อมของกลาง และเมื่อเข้าทำการตรวจค้นภายในบ้าน พบยาไอซ์จำนวนกว่า 30 กรัม มูลค่ากว่า 1 แสนบาท เงินสดจำนวนหนึ่ง บัญชีธนาคารต่างๆ หลายเล่ม อาวุธปืน และยังพบซากรถจักรยานยนต์หลายคัน สมุดทะเบียนอีกนับสิบเล่ม โดยนายสมเกียรติสารภาพว่า รับยาเสพติดมาจากเอเยนต์ที่เป็นเครือข่ายมาจากนักโทษในเรือนจำอีกทอด ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ขยายผลเข้าทำการจับกุมแล้ว
