xs
xsm
sm
md
lg

ราคายางพาราวิกฤตพ่อค้าไทย-เทศ สุมหัวสอนมวยรัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สถานการณ์ “ยางพารา” วิกฤต นักลงทุนเผ่นจดทะเบียนร่วมทุนกับประเทศจีน ชี้พ่อค้าไทย และต่างประเทศสอนมวยรัฐบาล ชาวสวนยาง “ผวา” คำพูดคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ หอการค้าไทย

นายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวสวนยางพาราที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกกับสถาบันเกษตรกรที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคล มีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงขอให้ชาวสวนยางเร่งรีบขึ้นทะเบียนโดยด่วน เพราะขณะนี้ ราคามีส่วนต่างกันมาก ระหว่างผู้ขายยางให้สถาบันเกษตรกร กับพ่อค้าเอกชน

“ผู้ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสถาบันเกษตรกร และไม่ได้เป็นสมาชิก ได้ขาดโอกาสที่ได้ราคาที่ดีมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2555 เป็นต้นมา และขณะนี้ ราคายางพาราก็ได้ตกลงมามาก จึงเกิดส่วนต่างกันมากขึ้น ตอนนี้มีประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกสถาบันเกษตรกรยางพารา จึงไม่สามารถขายราคาในโครงการรักษาเสถียรภาพยางพารา 15,000 ล้านบาทได้”

นายบุญส่ง กล่าวอีกว่า จึงเรียกร้องให้สถาบันเกษตรกร แกนนำชาวสวนยาง สกย. และภาคเอกชน เร่งรณรงค์ให้ชาวสวนยางพาราเร่งเข้าสู่โครงการโดยด่วน เพราะขณะนี้ได้เสียโอกาสไปเป็นเงินจำนวนมหาศาลแล้วที่ควรจะขายได้

นายเพิก เลิศวังศ์พง หัวหน้าพรรคยางพาราไทย (พยท.) อดีตประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสยท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ยางพาราในขณะนี้น่าเป็นห่วงมาก ส่วนราคาที่ทางรัฐบาลดำเนินการเป้าหมายสู่ 120 บาท/กก. หากยังดำเนินนโยบายอย่างเดิมที่มี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมกับองค์การสวนยาง (อสย.) และกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) คงหมดหนทาง

“ตอนนี้จึงได้มีกลุ่มชาวสวนยางพาราในประเทศไทย หันไปร่วมทุนกับประเทศจีน จดทะเบียนบริษัท โดยไทยถือ 51 เปอร์เซ็นต์ จีนถือ 49 เปอร์เซ็นต์ เพื่อรับซื้อขายยางพารากัน จดทะเบียนโดยจะแล้วเสร็จภายใน 45 วัน ลงทุนเบื้องต้นระยะแรก จำนวน 25 ล้านหยวน เพราะจะหวังพึ่งแต่ภาครัฐ คงจะไม่มีโอกาส โดยประเทศจีนในขณะนี้สามารถบริโภคยางพารา จำนวน 3 ล้านตัน/ปี”

นายเพิก ยังกล่าวอีกว่า เป็นประวัติศาสตร์ยางพาราไทยที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่ยางแผ่นดิบมีราคาสูงกว่ายางรมควัน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อระยะสัปดาห์นี้ เพราะตามปกติ ต้นทุนยางรมควันจะสูงกว่ายางแผ่นดิบ การเกิดปรากฎการณ์นี้มาจากฝีมือของกลุ่มพ่อค้ากลุ่มหนึ่งภายในประเทศ และพ่อค้าระหว่างประเทศกลุ่มหนึ่ง ต้องการสั่งสอนผู้บริหารยางพาราไทยในรัฐบาล จนเกิดการประจานไปทั่วโลก ว่าเป็นการบริหารยางพาราที่ไม่มีประสิทธิภาพ และขาดความรู้

“ตอนนี้กลไกการตลาดยางพาราบิดเบือนปั่นป่วนไปหมด และมีความกังวลสงสัยเรื่องความโปร่งใสเกิดขึ้น ตั้งแต่การซื้อขายภายในประเทศ และจะขายไปต่างประเทศ ตลอดจนยางแผ่นดิบที่ อสย.รับซื้อไปจากสถาบันเกษตรกร ที่เข้ารมควันกับโรงงานที่ว่าจ้าราคาสูงกว่าตลาดทั่วไป 1 บาท/กก.”

นายประสิทธิ์ หมีดเส็น รอง ผอ.สกย. กล่าวว่า ขณะนี้สถาบันเกษตรกรที่เป็นนิติบุคคล ได้เข้าโครงการแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ จาก 616 แห่ง จำนวนกว่า 1 ล้านครัวเรือน ส่วนรายย่อย รายขนาดเล็ก ยังไม่ได้เข้าโครงการประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนประเด็นที่ชาวสวนยางพาราไม่ได้รับทราบโครงการ 15,000 ล้านของรัฐบาล ที่ทำให้เสียโอกาสไปนั้น สกย. ก็ได้สั่งการให้ในพื้นที่ทำการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ และทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรงเกษตรและสหกรณ์ ก็ได้ประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว เพื่อทำการแนะนำให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ทาง สกย.ได้ขานรับคำแนะนำจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ที่เสนอให้ทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และแกนนำชาวสวนยางพาราในพื้นที่ต่างๆ ทำการแนะนำให้เกษตรกรได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกสถาบันเกษตรกร

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะนี้ เกษตรกรยางพาราขนาดย่อยได้เกิดภาวะหวั่นวิตกไปทั่วกับสถานการณ์ราคา ตามคำให้สัมภาษณ์ของนายอัทธ์ พิศาลวานิช คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เกี่ยวกับปัญหาราคายางพารา โดยกล่าวกันว่า ยางพาราขณะนี้น้ำยางก็ให้ผลิตน้อยมาก แถมราคาถูกอีกด้วย

และยังกล่าวรายงานอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายใดแนะนำชักจูงให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางพาราเข้าเป็นสมาชิกของสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางพาราแต่อย่างใด และมีอยู่เป็นจำนวนมากไม่ทราบข้อมูล จึงขายยางพาราได้ในราคาที่ต่ำ โดยราคารับซื้อของพ่อค้าท้องถิ่นรับซื้อน้ำยางสดอยู่ที่ 82-83 บาท/กก.
กำลังโหลดความคิดเห็น