xs
xsm
sm
md
lg

“เยียวยาไฟใต้” ผลงาน “โบว์แดง” กับคำถามที่รัฐยังตอบไม่ชัดเจน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมือง ไม้ขม

ความจริงวันนี้ ผมตั้งใจที่จะเขียนถึงเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะบอกกันตรงๆว่า 8 ปีที่ผ่านมา ผมเขียนถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินปลายด้ามขวานมาจนจะจะเบื่อตัวเอง ซึ่งคงเหมือนกับผู้อ่านส่วนมากที่เบื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสามสี่จังหวัดภาคใต้เต็มประดา
แต่สุดท้าย วันนี้ผมก็ต้องเขียนถึงเรื่องของจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้ง เพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีคำถามของประชาชนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมี “สื่อ” จำนวนไม่น้อยที่โทรศัพท์มาถามและพูดคุยกับผมในเรื่องร้อนๆ 2 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือ เงินค่าเยียวยา ผู้เสียชีวิตในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเรื่องที่ 2 คือ เรื่องความคืบหน้าของคดีทหารพรานฆ่าประชาชนที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

สำหรับเรื่องแรกนั้น วันนี้ทุกคนที่ติดตามข่าวสารคงจะได้ทราบแล้วว่า ผู้เสียชีวิตในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีหลักฐานยืนยันว่าเสียชีวิตเพราะ ฝีมือ เจ้าหน้าที่รัฐอย่างเช่นกรณีของอิหมามยะผา กาเซ็ง หรือกรณีเสียชีวิตจากการนำผู้ชุมนุมที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มายังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ซึ่งเสียชีวิตเพราะเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำจะได้รับการเยียวยาเท่ากับกรณี “คนเสื้อแดง” ที่เสียชีวิตจากการชุมชุมทางการเมืองที่ราชประสงค์ คือจะได้รับการเยียวยารายละ 7.7 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเรื่องความโชคดีของญาติๆ เหยื่อที่เสียชีวิตในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เสียชีวิตเพราะฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะหากรัฐบาลชุดนี้ไม่มีมติจ่ายค่าเยียวยาให้ กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวน 7.7 ล้านแล้วไซร้ รับรองว่าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็คงจะได้รับการเยียวยาย้อนหลังไม่เกิน 5 แสนบาท

หรือเอาให้ตรงตามหลักศาสนาอิสลาม ที่บัญญัติว่า ในกรณีเจ้าหน้าที่รัฐทำให้ประชาชนผุ้บริสุทธิ์ เสียชีวิต ต้องเยียวยาเป็นอูฐ 10 ตัว ซึ่งถ้าคิดเป็นตัวเงินประมาณ 1.5 ล้านบาท คงไม่มีใครจะได้เงินมากขนาด 7.7 ล้านอย่างแน่นอน เรื่องของคนเสื้อแดงจึงเป็นอานิสงส์ให้เหยื่อเจ้าหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับเงินเยียวยาเท่าๆ กับคนเสื้อแดง เพราะหากเป็นไปไม่เหมือนกัน รัฐบาลจะหาคำตอบให้กับประชาชนไม่ได้

ดังนั้นคำถามที่มีคนในพื้นที่ถามต่อมาคือ ผู้เสียชีวิตที่มัสยิดไอร์ปาแย และที่มัสยิดกรือเซะ ทำไม่จึงอยู่ในข่ายที่จะได้รับการเยียวยาเท่ากับ กรณีอิหม่ามยะผา และกรณีการชุมนุมที่ตากใบ ในเมื่อมีการกล่าวว่าการเยียวยาผู้เสียหายที่อยู่ในข่าย 7.7 ล้านบาทนั้น ต้องเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่กรณีการยิงเข้าไปในมัสยิดไอร์ปาแย อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส จนมีผู้เสียชีวิต 10 ราย และบาดเจ็บจำนวนหนึ่งนั้น กองทัพภาคที่ 4 และ กอ.รมน.ภาค 4ส่วนหน้า ได้แถลงว่า ผู้ที่เป็นคนร้ายเป็นอดีตทหารพรานที่ปลดประจำการไปแล้ว และในสำนวนสอบสวนของตำรวจ ระบุว่าสาเหตุการฆ่าหมู่ 10 ศพ เป็นเรื่องส่วนตัว

ประชาชนจึงตั้งข้อสงสัยผ่านมายังผมว่า คำว่า อดีตทหารพรานยังเป็นคนของรัฐอยู่หรือไม่ และคำว่าเรื่องส่วนตัวย่อมหมายความว่า เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการใช่หรือไม่ ถ้าใช่แล้วทำไม่คดีไอร์ปาแยจึงได้รับการเยียวยาเท่ากับคดีที่คนของรัฐเป็นผู้กระทำให้ตาย บาดเจ็บ หรือสูญหาย

และคำถามข้อที่ 2 ของประชาชนคือคดี “กรือเซะ” ซึ่งก่อนเกิดเหตุให้ทหารส่งกำลังเข้าไปปิดล้อมมัสยิดกรือเซะ คนเหล่านั้นได้บุกเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ในป้อมยาม มีเจ้าหน้าที่ตาย บาดเจ็บ และมีการเผาทำลายป้อมยาม จนทำมาถึงการล้อมจับกุม และเมื่อผู้ที่หลบอยู่ในมัสยิดไม่ยอมมอบตัว และมีการยิงต่อสู้ จึงถูกเจ้าหน้าที่ยิงจนเสียชีวิต

ประชาชนในพื้นที่ถามว่า ผู้ที่เสียชีวิตในในข่ายของคนร้ายที่เป็นแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน หรือเป็นพลเมืองดี และถ้าผู้เสียชีวิตที่ “กรือเซะ” ได้รับการเยียวยาเท่ากับที่ “เหยื่อ” ที่ตากใบได้รับ มีการถามต่ออีกว่าคนเสียชีวิตในคืนเดียวกัน ซึ่งมีอาวุธในมือบุกเข้าโจมตีที่ว่าการอำเภอ โรงพัก ที่ อ.กรงปีนัง ที่ อ.แม่ลานที่ อ.สะบ้าย้อย และที่อื่นๆ กว่า 10 จุด และถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต เช่นเดียวกับที่ “กรือเซะ” ทำไมจึง “ตกสำรวจ”

รวมทั้งเหตุการณ์ที่ผู้บริสุทธิ์ ในร้านน้ำชาที่บ้านกาโสด อ.บันนังสตา จ.ยะลา ที่ถูกอดีตทหารพรานกราดยิง บาดเจ็บ เสียชีวิต จึงไม่อยู่ในบัญชี 7.7 ล้าน ทั้งที่ ผู้เป็น “เหยื่อ” คือผู้บริสุทธิ์ ส่วนผู้เป็นผู้กระทำก็เป็นอดีตทหารพราน เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่มัสยิดไอร์ปาแย
ปัญหาเรื่องความไม่ชัดเจนและยุติธรรมต่อการเยียวยาเกิดขึ้นแล้ว ทำให้ผู้ได้รับผลกระทบใน 3 จชต. รวมตัวกันทวงถามคำตอบจาก ศอ.บต.
คำถามเหล่านี้คือคำถามที่รัฐบาลต้องตอบให้ชัดเจน เพราะคนส่วนใหญ่ต้องการฟังคำตอบ ส่วนเรื่องจำนวนเงิน 7.7 ล้านนั้น ท่านก็ต้องอธิบายด้วยว่า เป็นการเยียวยาด้วยหลักเกณฑ์สากล ที่ประเทศที่เจริญแล้วเขาปฏิบัติกัน และใช้เฉพาะในกรณีคนของรัฐเข่นฆ่าประชาชนเท่านั้น

ส่วนเรื่องประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูก “แนวร่วม” ฆ่าจำนวนหลายพันศพ รัฐเยียวยาให้เพียง 1 แสนบาทต่อราย ถือว่าเป็นกรรมเก่าของทุกคนที่ต้องตาย เพราะไม่รู้จักหลบหลีกให้พ้นจากปฏิบัติการของ “แนวร่วม” เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ พลเรือน ท่านมีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยของประชาชน เมื่อถูก “แนวร่วม” เข่นฆ่าถึงแก่ชีวิต บาดเจ็บ พิการ ย่อมไม่สามารถเรียกร้องค่าเยียวยาจำนวน7.7 ล้าน เพราะท่านตายจากการทำหน้าที่

วันนี้เรื่องค่าตอบแทนหรือเงินเยียวยา กลายเป็นประเด็นปัญหาใหญ่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจาก 8 ปี มีคนตายไปสี่พันกว่าศพ บาดเจ็บไปกว่าแปดพันคน ทุกคนต่างต้องการคำตอบที่ชัดเจนในเรื่องของการเยียวยา

ดังนั้นงานที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลในวันนี้ จึงไม่ใช่เรื่องประโคมโหมโรงเรื่องการเยียวยาจำนวนเงิน 7.7 ล้าน เหมือนกับว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง แต่ต้องเร่งดำเนินการสื่อสารกับสังคม ทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องหลักเกณฑ์การเยียวยา ชี้แจงให้ทุกกลุ่ม ที่ได้รับผลกระทบจาก สถานการณ์ความไม่สงบได้รับทราบ เพื่อให้เขาเข้าใจถึงหลักเกณฑ์ที่ถูกกำหนดขึ้น

เพราะหากไม่ทำความเข้าใจกับประชาชน สุดท้ายจะเป็นเหมือนว่า รัฐบาลได้ดับไฟกองเก่า และจุดไฟกองใหม่ขึ้นมา ซึ่งเป็นไฟแห่งความคับแค้น ความไม่เข้าใจ ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้ง ความเป็นปรปักษ์กับรัฐมากขึ้น

ผมเป็นห่วงครับ เป็นห่วงที่สุดท้ายแล้ว ปัญหาความยุติธรรมของจังหวัดชายแดนภาคใต้จะกลับไปสู่วงจรเดิมๆ คือรัฐได้งาน เสียเงิน แต่ไม่ได้ใจของคนในพื้นที่ และถ้าเป็นอย่างนี้ ไฟใต้ก็จะไม่มีวันมอดดับอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น