เครือข่ายพลเมืองสงขลาควง “สว.รสนา” จี้แก้ พรบ.ปิโตรเลียมแก้ปัญหาน้ำมันแพง

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายพลเมืองสงขลารวมตัวแถลงการณ์เรียกร้องรัฐเร่งสางปัญหาราคาน้ำมันแพง ชี้แก้ พรบ.ปิโตรเลียม ให้กลับคืนมาเป็นของประชาชน

วันนี้ (21 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่โรงแรมเอเชี่ยน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา น.ส.รสนา โตสิตระกูล สว.กรุงเทพมหานคร ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา พร้อมด้วย นางนงเยาว์ กิจเจริญนิรุตน์ และ นายครุศักดิ์ สุขช่วย ผู้ประสานงาน และนักวิชาการอิสระ วิทยาลัยวันศุกร์ ตัวแทนพลเมืองสงขลา ได้ร่วมกันแถลงข่าวในหัวการตรวจสอบนโยบายพลังงานของรัฐ โดยเฉพาะน้ำมันปิโตรเลียม

หลังจากที่ได้ร่วมกันศึกษา และพบว่ามีบริษัทต่างชาติเข้ามาทำการขุดเจาะปิโตรเลียมในน่านน้ำทะเลสงขลาถึงปีละ 1,260 ล้านลิตร หรือคิดเป็นมูลค่า 25,000 ล้านบาท แต่ผลประโยชน์ที่คนสงขลาและประเทศชาติได้รับกลับไม่เป็นธรรม และราคาน้ำมันก็มีแต่ขยับขึ้นทุกๆวัน นอกจากนั้นการขุดเจาะปิโตรเลียมยังขาดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการบริหารจัดการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 43,66,67,85 และ 87 อีกทั้งยังมีผลประโยชน์ทับซ้อนจากข้าราชการ ธุรกิจพลังงาน และ ผู้รับสัมปทานอีกด้วย

โดย นางนงเยาว์ กิจเจริญนิรุตน์ ได้อ่านคำแถลงการณ์ในนามของพลเมืองสงขลา และเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับข้อมูลของปริมาณและการจัดการทรัพยากรปิโตรเลียมของประเทศไทย ทั้งน้ำมันดิบ คอนเดนเสต และก๊าซธรรมชาติ และให้รัฐบาลแก้ไขส่วนแบ่งปิโตรเลียมของไทยให้ได้ไม่น้อยกว่า 82 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งเก็บค่าภาคหลวงเพิ่มขึ้นจากเดิม 5-15 เปอร์เซ็นต์ เป็น 55-60 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับต่างประเทศ

นอกจากนั้นยังเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไข พรบ.ปิโตรเลียม ให้ทรัพยากรปิโตรเลียมเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของรัฐ แก้ไขกฎหมายไม่ให้ข้าราชการกระทรวงพลังงานเข้าไปดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในบริษัทพลังงาน และให้ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สัมปทาน เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจทรัพยากรปิโตรเลียม ซึ่งเป็นสมบัติของชาติ

ขณะที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล เผยว่า อยากให้รัฐบาลเร่งเข้ามาแก้ไขปัญหาน้ำมันภายในประเทศอย่างเร่งด่วน เนื่องจากปัญหาดังกล่าวเรื้อรังมานาน และขาดการเหลียวแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลประโยชน์ที่ประเทศชาติและประชาชนควรจะได้รับ กลับตกไปอยู่ในมือของนายทุนต่างชาติและข้าราชการกระทรวงพลังงาน ทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการทุกชนิดต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สวนทางกับความเป็นจริง ซึ่งหากรัฐบาลสามารถสร้างอธิปไตยทางเศรษฐกิจให้กับประเทศในด้านพลังงานได้ ก็จะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชน และสามารถสร้างกระแสนิยมได้อย่างตรงจุดกว่าการหาช่องทางเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ