นครศรีธรรมราช - เผยช็อตอารีย์โดนชกขณะกล่อมม็อบยางพารานครศรีฯ ก่อนเผ่นกระเจิง หลังชาวบ้านฮือไล่กระทืบ ด้านแกนนำชาวสวนยางคุมมวลชนไม่อยู่ ส่อจัดฉากชุมนุมหวังให้ฝ่ายการเมืองโชว์กึ๋นแก้ปัญหา
หลังจากที่ชาวสวนยางพารานครศรีธรรมราช ทั้งในนามกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพารารายย่อย และสมาคมชาวสวนยางพารานครศรีธรรมราช ได้เคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 วัน จนถึงขั้นการปิดถนนสายเอเชีย 41 บริเวณสามแยกบ้านหนองดี ม.1 ต.ทุ่งสง อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวานนี้ (15 ก.ค.) ซึ่งได้มีการเจรจาต่อรองกับนายทรงพล สวาสดิ์ธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ โดยแกนนำ และชาวสวนยางระบุว่า ต้องเจรจากับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตร เท่านั้น
ล่าสุด วันนี้ (16 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงดึกที่ผ่านทมา บรรยากาศการชุมนุมเคร่งเครียดมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เริ่มไม่พอใจแกนนำที่ไปตกลงยอมอ่อนข้อให้แก่ฝ่ายการเมืองอย่างมีข้อกังขา และแกนนำบางรายถึงกับขึ้นเวลาที่แจ้งว่า สมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยได้ยื่นข้อเสนอไปที่กระทรวงเกษตร ประกันราคายางที่ กก.ละ 90 บาท ในขณะที่ข้อเสนอของชาวสวนยางนครศรีธรรมราชอยู่ที่ 120 บาท ทำให้มีเสียงโห่อย่างไม่พอใจดังสนั่น
โดยระหว่างนั้น นายนิติ แก้วปลายคลอง หรือนิติ จิตรัตน์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย พยายามเจรจาต่อรองกับแกนนำอยู่ตลอดเวลา และในที่สุด ได้มีการยืนยันว่า นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือเลขาฯ ของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะมาพบ และเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเอง โดยในการเจรจานั้นมีข้อสรุปคือ จะมีการจัดรถตู้ให้แก่แกนนำเพื่อไปพบ และเจรจากับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ยังที่ทำการกระทรวงในเวลา 15.00 น.ของวันนี้ ท่ามกลางความไม่พอใจของกลุ่มผู้ชุมนุม
ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร พร้อมนายนิติ แก้วปลายคลอง หรือจิตรัตน์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำผู้ชุมนุม ได้ขึ้นเวทีเพื่อชี้แจงข้อเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งจุดที่ตั้งเวทีอยู่ห่างกับบริเวณถนนที่มีการปิดการจราจรประมาณ 100 เมตร ยิ่งทำให้บรรยากาศเคร่งเครียดมากขึ้น โดยเฉพาะเสียงโห่จากประชาชนบนถนน ขณะที่หน้าเวทีนั้นมีประชาชนอยู่ราว 40-50 คน
นายอารี ไกรนรา ได้ขึ้นเวทีต่อ และระบุในทำนองว่า รัฐบาลชุดนี้มีความจริงใจในการแก้ปัญหาให้แก่ชาวสวนยาง ไม่เช่นนั้นจะไม่อนุมัติงบประมาณถึง 1.5 หมื่นล้านบาทมาแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกร ซึ่งขณะนี้ ได้ใช้จ่ายไปราว 1 พันล้านบาทเท่านั้น ยังเหลืออีก 1.4 หมื่นล้านบาท
หลังจากจากนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เริ่มมีเสียงโห่อย่างต่อเนื่อง นายอารียังพยายามชี้แจงต่อว่า นายณัฐวุฒิกำลังผลักดันราคายางไม่ใช่ข้อสัญญา แต่กำลังทำงานอย่างหนัก จะทำให้เป็นผลงานของรัฐบาล ยืนยันว่า ในการประชุม ครม. 17 ก.ค.นี้จะมีข่าวดี ก่อนที่เสียงโห่ตามมาอีกครั้ง และนายอารีได้เลี่ยงลงไปหลังเวที
จากนั้น นายสมยศ รักษาวงศ์ นายกสมาคมชาวสวนยางนครศรีธรรมราช ได้ขึ้นมาชี้แจงถึงข้อตกลงว่า ทุกขั้นตอนต้องผ่านการประชุม ครม.ในวันอังคารนี้ และจะเดินทางไปพบกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในวันที่ 16 ก.ค. เวลา 15.00 น.
ทั้งนี้ เหตุการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมรับตามที่นายสมยศที่ได้ตกลงกับนายอารี และนายณัฐวุฒิ ก่อนที่จะเริ่มมีเสียงตะโกนด่านายสมยศ และแกนนำ รวมทั้งนายอารีอย่างต่อเนื่อง
ภายหลังนายอารีได้ขึ้นเวทีอีกครั้ง ระบุว่า ตนได้สมัคร ส.ส.มา 4 ครั้ง และไม่ได้รับการเลือกตั้ง ทั้งที่หาเสียงในทุกพื้นที่ ไม่เคยด่าใคร ก่อนที่จะมีเสียงตะโกนถามว่า แล้วที่...ด่าป๋าเปรมได้ จากนั้น เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง และมีเสียงด่าทอนายอารีออกมาจากด้านล่างเวทีอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน นายอารีเริ่มไม่สบอารมณ์ และพยายามตอบโต้ ก่อนที่จะบอกว่า ขอร้องอย่านำการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เหลือเวลาอีก 2 วันถึงวันที่ 17 ก.ค. และขอบอกว่า หากรัฐบาลไม่ช่วย “ก็ตามพวกสู (หมายถึงกลุ่มผู้ชุมนุม) อีทำไหร” ซึ่งหมายความว่า หากรัฐบาลไม่ช่วย ผู้ชุมนุมจะทำอะไรตามใจก็ได้ และประกาศจบเวทีการชุมนุมทันที ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง
หลังจากนั้น นายอารีได้รีบลงจากเวที และกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่รถยนต์ซึ่งจอดอยู่ห่างไปราวไม่ถึง 100 เมตร ขณะนั้นเอง ได้มีชายฉกรรจ์พุ่งเข้าประชิด และต่อยนายอารี แต่โดนเพียงหมัดเฉี่ยวหน้าเท่านั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอยู่ในบริเวณนั้นได้เข้ามาล็อกตัวชายคนดังกล่าวไว้ได้ ขณะที่ชาวบ้านประมาณ 30-40 คน กรูพุ่งเข้ามาหานายอารี
แต่นายอารีได้วิ่งไปยังรถยนต์ได้อย่างปลอดภัย ก่อนพาตัวเองออกตัวไปจากบริเวณที่ชุมนุม ส่วนตำรวจซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุได้กรูเข้ามา บางรายชักปืนออกมา ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้าน และต่างตะโกนให้ปล่อยตัวชายที่พยายามเข้าทำร้ายนายอารีที่ถูกเจ้าหน้าที่ล็อกคอไว้ ในที่สุด ฝ่ายปกครอง และตำรวจที่คุมตัวชายดังกล่าวไว้ต้องปล่อยตัว ก่อนที่สถานการณ์ทั้งหมดจะคลี่คลายโดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 3 นาที ในขณะที่ผู้ที่อยู่รอบนอกห่างจากเวทีไม่รู้ตัวเลยว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
สำหรับการชุมนุมที่เกิดขึ้นนั้น แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องระบุว่า เป็นการใช้เกษตรกรชาวสวนยางเป็นเครื่องมือ เนื่องจากทุกอย่างถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว กล่าวคือ เมื่อมีการชุมนุมเกิดขึ้น จะมีกลุ่มแกนนำ และกลุ่มผู้มีอำนาจทางการเมืองจะเข้าทำเหมือนกับการสร้างผลงานในการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จ และนำไปสู่การประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้ เพื่อการพิจารณางบประมาณนำมาบริหารจัดการแก้ไขปัญหาราคายางแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งเป็นงบประมาณที่สูงมาก
ในขณะที่ชาวบ้านเกษตรกรชาวสวนยาง ต้องการเพียงราคายางอยู่ที่ กก.ละ 120 บาทเท่านั้น จึงมาร่วมชุมนุมจนกลายเป็นเครื่องมือให้แก่บางฝ่ายนั่นเอง ซึ่งจะเห็นได้จากปรากฏการณ์ที่แกนนำไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของมวลชนชาวสวนยางได้ และฝ่ายมวลชนไม่รับข้อเสนอจากแกนนำที่ไปพูดคุยกับฝ่ายการเมือง
หลังจากที่ชาวสวนยางพารานครศรีธรรมราช ทั้งในนามกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพารารายย่อย และสมาคมชาวสวนยางพารานครศรีธรรมราช ได้เคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 วัน จนถึงขั้นการปิดถนนสายเอเชีย 41 บริเวณสามแยกบ้านหนองดี ม.1 ต.ทุ่งสง อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวานนี้ (15 ก.ค.) ซึ่งได้มีการเจรจาต่อรองกับนายทรงพล สวาสดิ์ธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ โดยแกนนำ และชาวสวนยางระบุว่า ต้องเจรจากับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตร เท่านั้น
ล่าสุด วันนี้ (16 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงดึกที่ผ่านทมา บรรยากาศการชุมนุมเคร่งเครียดมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เริ่มไม่พอใจแกนนำที่ไปตกลงยอมอ่อนข้อให้แก่ฝ่ายการเมืองอย่างมีข้อกังขา และแกนนำบางรายถึงกับขึ้นเวลาที่แจ้งว่า สมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยได้ยื่นข้อเสนอไปที่กระทรวงเกษตร ประกันราคายางที่ กก.ละ 90 บาท ในขณะที่ข้อเสนอของชาวสวนยางนครศรีธรรมราชอยู่ที่ 120 บาท ทำให้มีเสียงโห่อย่างไม่พอใจดังสนั่น
โดยระหว่างนั้น นายนิติ แก้วปลายคลอง หรือนิติ จิตรัตน์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย พยายามเจรจาต่อรองกับแกนนำอยู่ตลอดเวลา และในที่สุด ได้มีการยืนยันว่า นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือเลขาฯ ของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะมาพบ และเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเอง โดยในการเจรจานั้นมีข้อสรุปคือ จะมีการจัดรถตู้ให้แก่แกนนำเพื่อไปพบ และเจรจากับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ยังที่ทำการกระทรวงในเวลา 15.00 น.ของวันนี้ ท่ามกลางความไม่พอใจของกลุ่มผู้ชุมนุม
ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร พร้อมนายนิติ แก้วปลายคลอง หรือจิตรัตน์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำผู้ชุมนุม ได้ขึ้นเวทีเพื่อชี้แจงข้อเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งจุดที่ตั้งเวทีอยู่ห่างกับบริเวณถนนที่มีการปิดการจราจรประมาณ 100 เมตร ยิ่งทำให้บรรยากาศเคร่งเครียดมากขึ้น โดยเฉพาะเสียงโห่จากประชาชนบนถนน ขณะที่หน้าเวทีนั้นมีประชาชนอยู่ราว 40-50 คน
นายอารี ไกรนรา ได้ขึ้นเวทีต่อ และระบุในทำนองว่า รัฐบาลชุดนี้มีความจริงใจในการแก้ปัญหาให้แก่ชาวสวนยาง ไม่เช่นนั้นจะไม่อนุมัติงบประมาณถึง 1.5 หมื่นล้านบาทมาแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกร ซึ่งขณะนี้ ได้ใช้จ่ายไปราว 1 พันล้านบาทเท่านั้น ยังเหลืออีก 1.4 หมื่นล้านบาท
หลังจากจากนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เริ่มมีเสียงโห่อย่างต่อเนื่อง นายอารียังพยายามชี้แจงต่อว่า นายณัฐวุฒิกำลังผลักดันราคายางไม่ใช่ข้อสัญญา แต่กำลังทำงานอย่างหนัก จะทำให้เป็นผลงานของรัฐบาล ยืนยันว่า ในการประชุม ครม. 17 ก.ค.นี้จะมีข่าวดี ก่อนที่เสียงโห่ตามมาอีกครั้ง และนายอารีได้เลี่ยงลงไปหลังเวที
จากนั้น นายสมยศ รักษาวงศ์ นายกสมาคมชาวสวนยางนครศรีธรรมราช ได้ขึ้นมาชี้แจงถึงข้อตกลงว่า ทุกขั้นตอนต้องผ่านการประชุม ครม.ในวันอังคารนี้ และจะเดินทางไปพบกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในวันที่ 16 ก.ค. เวลา 15.00 น.
ทั้งนี้ เหตุการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมรับตามที่นายสมยศที่ได้ตกลงกับนายอารี และนายณัฐวุฒิ ก่อนที่จะเริ่มมีเสียงตะโกนด่านายสมยศ และแกนนำ รวมทั้งนายอารีอย่างต่อเนื่อง
ภายหลังนายอารีได้ขึ้นเวทีอีกครั้ง ระบุว่า ตนได้สมัคร ส.ส.มา 4 ครั้ง และไม่ได้รับการเลือกตั้ง ทั้งที่หาเสียงในทุกพื้นที่ ไม่เคยด่าใคร ก่อนที่จะมีเสียงตะโกนถามว่า แล้วที่...ด่าป๋าเปรมได้ จากนั้น เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง และมีเสียงด่าทอนายอารีออกมาจากด้านล่างเวทีอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน นายอารีเริ่มไม่สบอารมณ์ และพยายามตอบโต้ ก่อนที่จะบอกว่า ขอร้องอย่านำการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เหลือเวลาอีก 2 วันถึงวันที่ 17 ก.ค. และขอบอกว่า หากรัฐบาลไม่ช่วย “ก็ตามพวกสู (หมายถึงกลุ่มผู้ชุมนุม) อีทำไหร” ซึ่งหมายความว่า หากรัฐบาลไม่ช่วย ผู้ชุมนุมจะทำอะไรตามใจก็ได้ และประกาศจบเวทีการชุมนุมทันที ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง
หลังจากนั้น นายอารีได้รีบลงจากเวที และกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่รถยนต์ซึ่งจอดอยู่ห่างไปราวไม่ถึง 100 เมตร ขณะนั้นเอง ได้มีชายฉกรรจ์พุ่งเข้าประชิด และต่อยนายอารี แต่โดนเพียงหมัดเฉี่ยวหน้าเท่านั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอยู่ในบริเวณนั้นได้เข้ามาล็อกตัวชายคนดังกล่าวไว้ได้ ขณะที่ชาวบ้านประมาณ 30-40 คน กรูพุ่งเข้ามาหานายอารี
แต่นายอารีได้วิ่งไปยังรถยนต์ได้อย่างปลอดภัย ก่อนพาตัวเองออกตัวไปจากบริเวณที่ชุมนุม ส่วนตำรวจซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุได้กรูเข้ามา บางรายชักปืนออกมา ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้าน และต่างตะโกนให้ปล่อยตัวชายที่พยายามเข้าทำร้ายนายอารีที่ถูกเจ้าหน้าที่ล็อกคอไว้ ในที่สุด ฝ่ายปกครอง และตำรวจที่คุมตัวชายดังกล่าวไว้ต้องปล่อยตัว ก่อนที่สถานการณ์ทั้งหมดจะคลี่คลายโดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 3 นาที ในขณะที่ผู้ที่อยู่รอบนอกห่างจากเวทีไม่รู้ตัวเลยว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
สำหรับการชุมนุมที่เกิดขึ้นนั้น แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องระบุว่า เป็นการใช้เกษตรกรชาวสวนยางเป็นเครื่องมือ เนื่องจากทุกอย่างถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว กล่าวคือ เมื่อมีการชุมนุมเกิดขึ้น จะมีกลุ่มแกนนำ และกลุ่มผู้มีอำนาจทางการเมืองจะเข้าทำเหมือนกับการสร้างผลงานในการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จ และนำไปสู่การประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้ เพื่อการพิจารณางบประมาณนำมาบริหารจัดการแก้ไขปัญหาราคายางแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งเป็นงบประมาณที่สูงมาก
ในขณะที่ชาวบ้านเกษตรกรชาวสวนยาง ต้องการเพียงราคายางอยู่ที่ กก.ละ 120 บาทเท่านั้น จึงมาร่วมชุมนุมจนกลายเป็นเครื่องมือให้แก่บางฝ่ายนั่นเอง ซึ่งจะเห็นได้จากปรากฏการณ์ที่แกนนำไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของมวลชนชาวสวนยางได้ และฝ่ายมวลชนไม่รับข้อเสนอจากแกนนำที่ไปพูดคุยกับฝ่ายการเมือง