ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เวทีเสวนาพันธมิตรฯ ใต้ ร้อน “ประพันธ์” นำทีมชำแหละคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญปกป้องสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ชี้ “ผีทักษิณ” พยายามล้มล้าง รธน.เพื่อเกิดใหม่ในอำนาจการเมือง ด้าน “ดร.ณรงค์ โชควัฒนา” จวก 80 ปีเปลี่ยนการปกครอง คนไทยไม่เคยลิ้มรสชาติแท้จริง เพราะถูกนักการเมืองหลอกลวง และมอมเมาล่อเพื่อมอบอำนาจเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ เตือนอย่าปล่อยให้คนชั่วขายชาติปล้นน้ำมันให้ต่างชาติจนหมด ลั่นต่อไปนี้พันธมิตรฯ และตนจะร่วมเป็นพลังในการเร่งให้ความรู้เร่งปฏิรูปประเทศ ไม่เคยได้ประชาธิปไตยแท้จริง
วันนี้ (14 ก.ค.) ณ โรงแรมเอเชี่ยน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 5 จังหวัดชายแดนใต้ “รวมพลังปัญญา ปฏิรูปประเทศไทย” ครั้งที่ 2 นำโดย ดร.ณรงค์ โชควัฒนา และนายประพันธ์ คูณมี ซึ่งมีนายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ
นายเติมศักดิ์ จารุปราณ ได้ตั้งประเด็น 80 ประชาธิปไตย ประเทศไทยได้อะไรจากนักการเมือง โดยยกตัวอย่างกรณีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในวันศุกร์ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา
เรื่องนี้ นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า สิ่งที่ตนเสียใจคือนักการเมืองที่เรียกตัวเองว่าน้ำดี ไม่กล้าฝ่าดงโจรไปให้ความรู้ทางภาคอีสาน ทำให้ยังคงตกเป็นเครื่องมืออำนาจกลโกง ฉ้อฉลต่อไป แต่ก็ยังหวังว่า สักวันหนึ่งจะมีคนไปเปิดเวทีกระชากหน้าความชั่วให้พี่น้องประชาชนที่นั่น และภาคเหนือได้รับทราบ
“พวกนี้เหมือนปีศาจกลัวแสง พอเราจะเปิดเวทีให้ความรู้คนเชียงใหม่ได้ปลดแอกความชั่วบ้าง มันก็พาคนมาเห่าหอน แต่พลังของคนเชียงใหม่ก็โหวตโนมาเป็นจำนวนมาก ต่อไปที่ไหนที่เป็นเมืองหลวงเสื้อแดง เราจะเปิดเวทีไปเปิดเวทีเสวนา ที่ จ.อุดรธานี เราก็เคยไปแล้ว” นายประพันธ์ กล่าวต่อและว่า
ตนพูดถึงชาวใต้ด้วยความชื่นชม และวันหนึ่งต้องช่วยจับมือกับคนอีสาน เพราะพูดภาษาของกันและกันได้ มีรสนิยมตรงกัน กินอาหารคล้ายกัน แต่คนอีสานที่ไปอยู่กับทักษิณเพราะทรยศต่ออุดมการณ์ ถ้ามองให้ลึกแล้วจะรู้ว่า นายทุนอย่างทักษิณนั่นแหละคือศัตรูของประเทศ ทำให้มีแดงเทียมปะปนกับแดงจริงที่มีจุดยืนเพื่อปกป้องสถาบัน โดยไม่เป็นปฎิปักษ์ต่อกลุ่มผู้รักชาติเหมือนกับพันธมิตรฯ ซึ่งหากแดงแท้มีจุดยืนเช่นนี้ และสามารถรักษาไว้ได้เราก็ยินดีและเป็นกำลังใจ แม้จะกลัวว่าสักวันหนึ่ง ทักษิณจะเข้ามาซื้อ ยื่นผลประโยชน์ให้ไขว้เขวก็ตาม
นายประพันธ์ ยังกล่าวชื่นชมจุดยืนของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้ตัดสินพิพากษาเมื่อวานนี้ (13 ก.ค.) ซึ่งบรรยากาศการไต่สวนนั้น ASTV ได้ถ่ายทอดสดนั้น ดูเหมือนว่า ฝ่ายผู้ร้องยังไม่เข้าประเด็นที่หนักแน่น ตนจึงแสดงความคิดเห็นผ่านรายการ ASTV อย่างตรงไปตรงมาในเชิงกฎหมาย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม จึงโทร.มาขอความร่วมมือช่วยเขียนแถลงปิดคำแถลงการณ์คดี ตนจึงคลายความกังวลใจลง และเมื่อเห็นหลักฐานในสำนวนคดีแล้วมีโอกาสที่ผู้ร้องจะชนะคดี โดยเฉพาะ ม.68 และการขัดต่อ ม.291 ซึ่งหากศาลสวมหัวใจเสือแล้วสามารถสาวไปถึงได้ว่า มีความจงใจล้มการปกครองได้ด้วย และนำไปสู่การยุบพรรคในที่สุด
แต่เมื่อวานที่ฟังคำวินิจฉัยของศาลแล้ว ตนเคารพ และเห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาล ซึ่งนำไปสู่บรรทัดฐานต่อไปที่จะรับรองสิทธิมหาชนในการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญต่อไปเหมือน “พุฒ ล้อเหล็ก” เตะยกล้อพรรคเพื่อไทย ศาลรัฐธรรมนูญเตะทักษิณไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ และยังไม่ได้กลับประเทศทั้งที่รอมาแล้ว 5 ปี และอาจจะทำให้ทักษิณรอไปอีกถึง 36 ปีแน่นอน ศาลยังบอกว่า รธน.ฉบับนี้ เป็นฉบับเดียวที่สถาปนามาจากประชาชน ถ้าต้องการแก้ก็ต้องขอมติจากประชาชนอย่างเดียว เสื้อแดงก็อ้างเสียงประชาชนแต่ไม่กล้าที่จะลงประชามติ
“ที่ต้องการแก้ รธน.ทั้งฉบับ เพราะทักษิณกลับประเทศไม่ได้ มาแล้วก็ลงสมัครเลือกตั้งไม่ได้ แม้จะผ่านข้อเว้นวรรคมาแล้ว 5 ปี เพราะใครที่ต้องเคยต้องคดีทุจริต ร่ำรวยผิดปกตินั้น ลงสมัครผู้แทนไม่ได้ตลอดไป ข้าราชการที่ถูกไล่ออก หรือชี้มูลความผิดก็ลงไม่ได้เช่นกัน ขัดคุณสมบัติมาตรา 101 และ 102 ทางเดียวที่จะลงสมัครได้ต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และถ้าต้องการทรัพย์สินคืนต้องแก้ ม.309 มันจึงสร้างเหตุผลโกหกตอแหลต่างๆ เพื่อจะล้มรัฐธรรมนูญฉบับนี้” นายประพันธ์กล่าวต่อและว่า
ทั้งนี้ ผู้ฟ้องขอให้ศาลวินิจฉัยว่า การขอแก้ รธน.ของทั้ง 6 คนเป็นการแก้ที่กระทำผิดต่อ รธน.ม.68 คือใช้สิทธิที่ต้องการล้มล้างระบอบปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการแก้ไขขัดต่อ ม.291 ซึ่งให้แก้ไขทีละบททีละเรื่องผ่านรัฐสภา ศาลจึงวินิจฉัยใน 4 ประเด็นดังกล่าว
“นายจิรายุ หวงทรัพย์ ไม่จำเป็นต้องออกมาแสดงความเป็นห่วงศาล เพราะศาลท่านกินข้าว ไม่ได้กินแกลบ และไม่ใช่ศาลพระภูมิที่ใครจะยื่นอะไรก็รับหมด ม.68 ไม่ใช่จะยื่นอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ต้องมีเหตุมีผล” นายประพันธ์กล่าวต่ออีกว่า
การกระทำความผิดของผู้ถูกร้องทั้ง 6 เป็นการล้มล้างการปกครองตาม ม.68 นั้น ศาล รธน.วางหมัดไว้ในชั้นนี้ว่า หลักฐานยังไม่ชัดเจน แต่เทียบเคียงได้ว่ายังสงสัยอยู่ และยกคำร้องไว้เสีย ซึ่งเป็นการตักเตือนโดยยังให้สิทธิประชาชนต่อว่า ถ้ามีการกระทำต่อนั้น ประชาชนก็สามารถร้องต่อได้ เป็นการหมายหัวว่า ทีหลังอย่าใส่เสื้อแดงแล้วมาปล้น รธน.จากประชาชน ถ้าลองดีคราวหน้าโดนแน่นอน คำวินิจฉัยของศาลถือเป็นชัยชนะที่บริสุทธิ์ของประชาชนกว่า 80%
ด้าน ดร.ณรงค์ โชควัฒนา ฉายภาพถึง 80 ปีของระบอบประชาธิปไตยว่า ประเทศไทยได้สูญเสียอะไรบ้าง ว่า ถ้าคนไทยทิ้งประโยชน์ส่วนตนมาร่วมดูแลประเทศชาติเหมือนที่กลุ่มพันธมิตรฯ ทำอยู่ เชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นที่หนึ่งของโลกที่มีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งวันนี้คนกลุ่มนี้มีความคิดที่จะปฎิรูปประเทศไทยกันได้แล้ว เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง และแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อน เพราะสาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงการปกครองที่ผ่านมา อำนาจรัฐยังไม่เคยตกถึงมือของประชาชนอย่างแท้จริง
“แท้จริงแล้ว ประชาชนนั้นมีฐานะที่จะเลือกลูกจ้างไม่ใช่เลือกนาย ถ้าทำงานไม่ได้ โกงกิน เราก็มีสิทธิที่จะปลดออกใช่หรือไม่ รวมถึงแจ้งความดำเนินคดีให้ติดคุก การไล่ออกเป็นเพียงการใส่เกียร์ถอยหลัง แต่ต้องเอาให้ติดคุก เพราะรัชกาลที่ 7 ต้องการให้อำนาจกลับสู่ประชาชนซึ่งปูพื้นฐานมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ได้ทรงเลิกทาส และได้รับการศึกษา” ดร.ณรงค์ กล่าวต่อและว่า
ทุกวันนี้ การเมืองเป็นธุรกิจเลวอย่างหนึ่งที่คนเข้ามาลงทุน เพื่อให้ได้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์ทุจริตคอร์รัปชัน และแข่งกันทำหนักขึ้นเรื่อยๆ ว่าใครจะหน้าด้านตักตวงได้มากกว่ากัน ขณะที่ประชาชนบางส่วนยังไม่ตระหนักว่า มีสิทธิและอำนาจในการเลือกลูกจ้าง ไม่ใช่มีอำนาจแค่ 3 วินาทีที่หย่อนบัตร เรียกได้ว่า 80 ปีที่ผ่านมานั้น เราไม่ได้มีสิทธิทางประชาธิปไตยเลย และถ้าเป็นประชาธิปไตยจริงนั้นจะไม่มีใครยึดอำนาจโดยทำปฎิวัติรัฐประหารได้ด้วยคนเพียงกลุ่มเดียว
“วันนี้ เผด็จการได้แปรรูปอย่างชั่วร้ายในทัศนะของผม พรรคการเมืองดีๆ ไม่ได้รับการเลือกตั้ง เพราะถูกครอบงำด้วยการล่อผลประโยชน์ให้ประชาชนเพื่อเลือกเข้าไปบริหารประเทศ คนก็อยากให้เลือกตั้งบ่อยๆ ในทุกระดับ เพราะมีเงินแจก ประชาชนถูกมอมเมาจนไม่เข้าใจ ดังนั้น ถ้าเราจะปฏิรูปการเมืองเอาคนเท่าไหร่มาไล่ก็ไม่หมดจากบ้านเมือง ชั่วเก่าออก ชั่วใหม่ก็เข้ามา” ดร.ณรงค์ กล่าวต่อและว่า
เราจะอาศัยรัฐบาลมาให้ความรู้ประชาชนเรื่องประชาธิปไตยนั้น เขาไม่ทำหรอก เพราะความไม่รู้ของประชาชนเป็นช่องทางการเข้าสู่ผลประโยชน์ของนักการเมือง ประเทศไทยที่เคยบอกว่าจะโชติช่วงชัชวาลด้วยพลังงาน ตอนนี้กำลังให้สัมปทานน้ำมันต่างชาติหมดแล้ว แม้จะส่งออกน้ำมันได้เป็นอันดับ 33 ของโลก แต่คนไทยต้องซื้อน้ำมันแพงในราคาตลาดโลก ไปไหนต่างชาติจ้องเอาใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมากเป็นพิเศษ เพราะกำลังเปิดประมูลสัมปทานใหม่ ดังนั้น ประชาชนจึงต้องลุกขึ้นมาแสวงหาความรู้ให้เท่าทัน ให้คนที่เสียสละมารับใช้ชาติที่ประชาชนได้คัดเลือกคนที่มีคุณธรรมมาทำงานด้วยหน้าที่ และความรับผิดชอบ เพราะอำนาจอยู่ในมือประชาชนแล้ว รัฐบาลไม่ต้องมาหลอกว่าเข้ามาเพื่อกระจายอำนาจ นี่แหละคือการมีประชาธิปไตยที่แท้จริงซึ่งเรายังไม่เคยมี แต่พันธมิตรฯ จะทำภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์นี้