ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้นำศาสนาในเชียงใหม่ ร่วมขึ้นเวทีเสวนาแนะทางแก้ปัญหา 5 จังหวัดชายแดนใต้ ย้ำต้องนำแนวพระราชดำรัสพระเจ้าอยู่หัวมาใช้-จนท.ต้องศึกษาวิถีท้องถิ่น พร้อมเร่งขจัด “นายทุนบาป” หนุนคนท้องถิ่นกำหนดทิศทางการพัฒนาด้วยตนเอง เตือนต้องเลิกทะเลาะกันก่อนไทยเข้าประชาคมอาเซียนที่แข่งขันรุนแรงขึ้น
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า ในการเสวนา “ผู้นำศาสนาภาคใต้สันติสุข” ที่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้นที่โรงแรมเชียงใหม่ฮิลล์ ซึ่งมีผู้นำผู้นำศาสนาต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 40 คน เข้าร่วมนั้น พระมหาสง่า ธีรสํวโร เจ้าอาวาสวัดผาลาด อำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งได้เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ว่า ให้นำแนวพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางพัฒนาภาคใต้ ให้โอกาสให้พวกเขาเป็นเจ้าของพื้นที่โดยการเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาตนเองในสิ่งที่ประชาชนในชุมนุมขาดแคลน และต้องการได้รับการพัฒนา จนสามารถสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงในพื้นที่ได้ และให้คนในพื้นที่นำศาสนามาใช้ในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดก็ตาม เพราะทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี และควรที่จะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว เพราะในอีก 3 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งต้องแข่งขันกับประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียน รวมถึงประเทศอื่นๆ นอกประชาคมอาเซียน ดังนั้น คนไทยจึงต้องมีความรัก ความสามัคคี และผนึกกำลังของคนในชาติให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศไทย
ด้าน น.ท.สมคิด ลัทธิศักดิ์ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ร่วมแสดงความคิดเห็นบนเวทีเสวนาด้วย ได้เสนอแนะว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ต้องทำความเข้าใจถึงวิถีการดำเนินชีวิตของคนในพื้นที่ ทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณี สังคม ศาสนา และปฏิบัติตัวให้สามารถอยู่ร่วมกับคนในพื้นที่ได้อย่างสันติสุข เปลี่ยนวิธีปฏิบัติจากการใช้กำลัง หรือความรุนแรง มาเป็นการให้ความรู้ การเข้าไปพัฒนาให้พื้นที่มีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมกับพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ โดยการส่งเสริมทั้งด้านการศึกษา และอาชีพสำหรับนำไปเป็นความรู้ในการประกอบอาชีพเลี้ยงตนเอง และครอบครัว สกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดเข้าไปมอมเมาเยาวชนในพื้นที่ได้ เพราะหากเยาวชนเหล่านี้ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดจากผู้ประสงค์ร้ายแล้วก็จะตกเป็นเครื่องมือของบุคคลดังกล่าวที่คอยยุยงให้เยาวชนเหล่านี้กระทำความผิด และก่อความรุนแรงขึ้นได้
นอกจากนี้ ยังมีผู้เข้าร่วมสัมมนาบางคนร่วมเสนอแนะว่า ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนใต้ เกิดจากนายทุนหลายกลุ่ม ประกอบด้วย นายทุนยาเสพติดที่เข้าไปมอมเมาเยาวชนในพื้นที่ให้ตกเป็นเครื่องมือก่อความรุนแรง นายทุนภาครัฐที่ทุ่มงบประมาณเข้าไปพัฒนาในจำนวนมหาศาล แต่ไม่มีการประเมินผลลัพธ์ที่ได้ว่าคุ้มค่าหรือไม่ และสิ่งที่นำไปพัฒนานั้น เป็นความต้องการของคนในพื้นที่หรือไม่ นอกจากนั้น ยังมีนายทุนที่เข้าไปเพื่อหวังทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงนายทุนของการยั่วยวนในสิ่งอบายมุขต่างๆ ซึ่งหากรัฐบาลสามารถขจัดนายทุนเหล่านี้ได้ ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนได้ก็จะลดน้อยลง หรือหมดไปในที่สุด
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า ในการเสวนา “ผู้นำศาสนาภาคใต้สันติสุข” ที่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้นที่โรงแรมเชียงใหม่ฮิลล์ ซึ่งมีผู้นำผู้นำศาสนาต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 40 คน เข้าร่วมนั้น พระมหาสง่า ธีรสํวโร เจ้าอาวาสวัดผาลาด อำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งได้เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ว่า ให้นำแนวพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางพัฒนาภาคใต้ ให้โอกาสให้พวกเขาเป็นเจ้าของพื้นที่โดยการเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาตนเองในสิ่งที่ประชาชนในชุมนุมขาดแคลน และต้องการได้รับการพัฒนา จนสามารถสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงในพื้นที่ได้ และให้คนในพื้นที่นำศาสนามาใช้ในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดก็ตาม เพราะทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี และควรที่จะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว เพราะในอีก 3 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งต้องแข่งขันกับประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียน รวมถึงประเทศอื่นๆ นอกประชาคมอาเซียน ดังนั้น คนไทยจึงต้องมีความรัก ความสามัคคี และผนึกกำลังของคนในชาติให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศไทย
ด้าน น.ท.สมคิด ลัทธิศักดิ์ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ร่วมแสดงความคิดเห็นบนเวทีเสวนาด้วย ได้เสนอแนะว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ต้องทำความเข้าใจถึงวิถีการดำเนินชีวิตของคนในพื้นที่ ทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณี สังคม ศาสนา และปฏิบัติตัวให้สามารถอยู่ร่วมกับคนในพื้นที่ได้อย่างสันติสุข เปลี่ยนวิธีปฏิบัติจากการใช้กำลัง หรือความรุนแรง มาเป็นการให้ความรู้ การเข้าไปพัฒนาให้พื้นที่มีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมกับพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ โดยการส่งเสริมทั้งด้านการศึกษา และอาชีพสำหรับนำไปเป็นความรู้ในการประกอบอาชีพเลี้ยงตนเอง และครอบครัว สกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดเข้าไปมอมเมาเยาวชนในพื้นที่ได้ เพราะหากเยาวชนเหล่านี้ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดจากผู้ประสงค์ร้ายแล้วก็จะตกเป็นเครื่องมือของบุคคลดังกล่าวที่คอยยุยงให้เยาวชนเหล่านี้กระทำความผิด และก่อความรุนแรงขึ้นได้
นอกจากนี้ ยังมีผู้เข้าร่วมสัมมนาบางคนร่วมเสนอแนะว่า ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนใต้ เกิดจากนายทุนหลายกลุ่ม ประกอบด้วย นายทุนยาเสพติดที่เข้าไปมอมเมาเยาวชนในพื้นที่ให้ตกเป็นเครื่องมือก่อความรุนแรง นายทุนภาครัฐที่ทุ่มงบประมาณเข้าไปพัฒนาในจำนวนมหาศาล แต่ไม่มีการประเมินผลลัพธ์ที่ได้ว่าคุ้มค่าหรือไม่ และสิ่งที่นำไปพัฒนานั้น เป็นความต้องการของคนในพื้นที่หรือไม่ นอกจากนั้น ยังมีนายทุนที่เข้าไปเพื่อหวังทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงนายทุนของการยั่วยวนในสิ่งอบายมุขต่างๆ ซึ่งหากรัฐบาลสามารถขจัดนายทุนเหล่านี้ได้ ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนได้ก็จะลดน้อยลง หรือหมดไปในที่สุด
