ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนในทะเลอันดามันเริ่มระบาดอีกแล้ว ส่วนปราบปรามทางทะเล กรมศุลกากรจับเรือเหล็กดัดแปลงค้าน้ำมันเถื่อนชื่อ “นอกน่านน้ำ” ได้พร้อมน้ำมันดีเซลหนีภาษี 230,000 ลิตร รวมตัวเรือแล้วมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท เผยเรือลำนี้ค้ามานานกว่า 10 ปี และขณะนี้ ในอันดามันมีอยู่ 6 ลำที่ตระเวนขายตั้งแต่ระนอง-สตูล
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (11 ก.ค.) ที่บริเวณท่าเทียบเรือศุลกากร ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร พร้อมด้วยนายนิมิตร แสงอำไพ ผู้อำนวยการส่วนปราบปรามทางทะเล กรมศุลกากร และนางนันท์ฐิตา คงเมือง นายด่านศุลาการภูเก็ต แถลงข่าวการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันน้ำหลบหนีภาษีศุลกากร ชื่อเรือ “นอกน่านน้ำ 16” สัญชาติไทย เป็นเรือเหล็กดัดแปลง ขนาด 141 ตัน ในเรือพบน้ำมันดีเซลหลบหนีภาษีศุลกากร จำนวน 230,000 ลิตร มูลค่าประมาณ 6,900,000 บาท มูลค่าเรือประมาณ 10 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งน้ำมันเถื่อน และตัวเรือมีมูลค่าประมาณ 15 ล้านกว่าบาท พร้อมลูกเรืออีก 6 คน มีนายลินอู สัญชาติพม่า รับเป็นไต๋ก๋งเรือ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ขณะลักลอบขายน้ำมันหลบหนีภาษีให้เรือประมงที่บริเวณห่างจากเกาะราชาน้อยไปทางทิศตะวันออกประมาณ 10 ไมล์ทะเล อยู่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เมื่อเวลา 03.00 น.ของวันที่ 9 ก.ค.2555 เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหา และเรือของกลางมาดำเนินคดีที่สำนักงานด่านศุลกากร จ.ภูเก็ต ในข้อหาลักลอบนำสินค้าน้ำมันดีเซล หรือรับซื้อไว้ หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งของอันตราย รู้ว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษี ของต้องห้าม ต้องกำจัด หรือของไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง อันเป็นความผิดตามมาตรา 27 บัญญัติศุลกากรตามกฎหมายต่อไป
นายนิมิตร แสงอำไพ ผู้อำนวยการส่วนปราบปรามทางทะเล กรมศุลกากร กล่าวว่า การจับกุมเรือจำหน่ายน้ำมันหนีภาษีศุลกากรในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนและติดตามเรือลำดังกล่าวมาเกือบ 2 เดือน เพราะทราบว่า เรือลำนี้มีการลักลอบค้าน้ำมันหนีภาษีในฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งแต่ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต มากว่า 10 ปีแล้ว โดยจะลักลอบขายอยู่นอกน่านน้ำไทย เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามจนเรือลำนี้เข้ามาในน่านไทยจึงได้แสงตัวจับกุม และเท่าที่ทราบ เรือลำนี้เปลี่ยนเจ้าของมาหลายรายแล้วเช่นกัน จนในขณะนี้ เป็นการร่วมลงทุนระหว่างคนไทย พม่า และมาเลเซีย
นายนิมิต กล่าวถึงสถานการณ์การลักลอบค้าน้ำมันหนีภาษีในทะเลอันดามัน ว่า ยังคงมีอยู่ตลอด โดยมีเรือที่ค้าอยู่ตั้งแต่จังหวัดระนอง-สตูล ที่เฝ้าติดตามอยู่มีประมาณ 6 ลำ เป็นเรือเหล็กดัดแปลง 2 ลำ จุน้ำมันได้ประมาณ 300,000 ลิตร และเรือประมงดัดแปลงอีก 2 ลำ จุน้ำมันได้ประมาณ 100,000 ลิตร โดยเรือเหล่านี้จะลอยลำขายน้ำมันหนีภาษีให้เรือประมงอยู่นอกน่านน้ำไทย และมีเรือซอยที่เป็นเรือขนาดเล็กกว่านำน้ำมันหนีภาษีมาขายให้แก่เรือประมงในบริเวณรอยต่อน่านน้ำไทยอีกทีหนึ่ง
สำหรับราคาน้ำมันหนีภาษีที่ลักลอบขายอยู่นอกน่านน้ำ และในน่านน้ำไทยนั้น เป็นน้ำมันที่เรือเหล่านั้น ไปซื้อมาจากประเทศเพื่อนบ้านที่ราคาน้ำมันถูกกว่า เมื่อนำมาขายให้เรือประมงจะได้ส่วนต่างถึงลิตรละ 8 บาท และหากรัฐบาลมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเมื่อใด ส่วนต่างก็จะสูงถึง 12 บาท เป็นการจูงใจให้มีการลักลอบค้าน้ำมันหนีภาษี และเรือประมงเองก็จะมีต้นทุนในการทำประมงที่ถูกลง รวมทั้งเรือประมงจะมีความสะดวกในการเติมน้ำมันหนีภาษี เพราะเรือลักลอบค้าน้ำมันหนีภาษีจะนำน้ำมันไปบริการให้เรือประมงยังจุดที่ทำประมงอยู่ในทะเล
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนมีนาคม-กรกฎาคม 2555 นี้ สามารถจับกุมน้ำมันดีเซลลักลอบใจเขตพื้นที่ภูเก็ตได้ถึง 377,000 ลิตร และเรือของกลางอีก 4 ลำ