นราธิวาส - หมอกควันจากอินโดนีเซียยังปกคลุมพื้นที่ จ.นราธิวาส ส่งผลต่อทัศนวิสัยทั้งการใช้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องบิน ด้านผู้ว่าฯ นราฯ สั่ง ปภ.ตรวจสอบผลกระทบ หากรุนแรงจะประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน
วันนี้ (19 มิ.ย.) นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงสถานการณ์หมอกควันจากประเทศอินโดนีเซียที่ปกคลุมในพื้นที่ จ.นราธิวาส เป็นวันที่ 2 ว่า ในวันนี้มีหมอกควันปกคลุมเต็มพื้นที่ โดยส่งผลต่อทัศนวิสัยของผู้ใช้รถใช้ถนน อีกทั้งยังส่งกลิ่นไหม้มาตามกระแสลม จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ดูแลสุขภาพของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีโรคหอบหืด
แต่อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ได้สั่งการไปยังสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส ให้เร่งตรวจสอบหมอกควันที่เกิดขึ้นว่า มีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่มากน้อยเพียงใด ซึ่งหากมีจำนวนมากก็จะดำเนินการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติทันที เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
ด้าน นางดวงพร สุวรรณมณี นักวิชาการขนส่งชำนาญการท่าอากาศยานนราธิวาส กล่าวถึงผลกระทบจากเขม่าควันดังกล่าวว่า ในวันนี้ เขม่าควันได้พัดลอยมาปกคลุมน่านฟ้า จ.นราธิวาส มากขึ้น จนเป็นเหตุให้นักบินมองเห็นรันเวย์ของสนามบินได้ในระยะที่สั้นลง จากเดิมที่สามารถมองเห็นได้ไกลในระยะ 20 กิโลเมตร เหลือเพียง 8 กิโลเมตรเท่านั้น
ขณะเดียวกัน นายมณี อุทรักษ์ ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยานราธิวาส กล่าวถึงปัญหาหมอกควันที่ปกคลุมในพื้นที่ จ.นราธิวาส ว่า จากการตรวจวัดของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศอัตโนมัติ ณ ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส พบว่า ดัชนีคุณภาพอากาศมีค่า 76 ไมโครกรัม และมีฝุ่นละอองขนาดเล็ก มีค่า 81.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งขอยืนยันว่ายังไม่มีผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพอนามัย แต่ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายภายนอกอาคาร
และควรปฏิบัติตนดังนี้ คือ ใช้ผ้าชุบน้ำพอหมาด หรือหน้ากากอนามัยปิดปาก และจมูกให้มิดชิดเมื่อต้องออกนอกบ้าน ปิดหน้าต่างประตู เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นควันเข้าบ้าน ไม่อยู่ในบริเวณที่มีหมอกควันปกคลุม โดยเฉพาะในกลุ่ม เด็ก คนชรา และผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หอบหืด ส่วนผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคปอด ถ้าไม่จำเป็นก็ควรอยู่เฉพาะภายในบริเวณบ้าน และเมื่อมีอาการผิดปกติหลังสูดดมหมอกควัน ควรรีบพบแพทย์ทันที และในห้วงนี้ควรงดการรองน้ำฝนไว้ใช้อุปโภคบริโภคเป็นการชั่วคราว
