หน.ชุดสอบคดีฆาตกรรม “เอกยุทธ” นัดประชุมทีมสืบสวน 10 ส.ค.ก่อนจะสรุปสำนวนคดีเสนอต่ออัยการ ยังให้น้ำหนักในเรื่องการประทุษร้ายต่อทรัพย์โดยถูกฆ่ารัดคอ ไม่ใช่ท่าพิเศษ
วันนี้ (8 ส.ค.) พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีฆาตกรรมนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง กล่าวว่า วันที่ 10 ส.ค.เวลา 10.00 น.จะเรียกพนักงานสอบสวนทั้งหมดในคดีมาประชุม เพื่อถามความเห็นในรูปคดี ก่อนจะสรุปสำนวนของคดีเสนอต่ออัยการ ซึ่งขณะนี้สำนวนใกล้เสร็จสิ้นแล้ว เพียงแต่เรียกพนักงานสอบสวนมาประชุมร่วมกัน เพื่อตรวจดูรายละเอียดของสำนวนให้เรียบร้อยอีกครั้ง หากในที่ประชุมมีความเห็นว่ายังมีประเด็นที่ต้องเพิ่มเติม ก็อาจจะขยายเวลาในการสรุปสำนวนออกไป วันที่ 10 ส.ค.จะให้คำตอบได้ว่าผลเป็นอย่างไร
ทั้งนี้สาเหตุการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ ที่ระบุไว้ในสำนวน ให้น้ำหนักในเรื่องการประทุษร้ายต่อทรัพย์เป็นหลัก แต่ประเด็นอื่นๆ ก็ไม่ตัดทิ้ง เพียงแต่พยานหลักฐานไม่เพียงพอ ทำให้ประเด็นอื่นไม่มีความชัดเจน สำหรับกรณีที่ นายแพทย์ปิยะพงศ์ สุดสาครเย็น แพทย์ชันสูตรศพนายเอกยุทธ ที่ไปให้ข้อมูลกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนนั้น ตำรวจก็ได้สอบปากคำนายแพทย์ปิยะพงศ์ ไปแล้วเกี่ยวกับการชันสูตรศพ และใบรายงานของแพทย์ก็ตรงกันทั้งหมด ไม่มีอะไรที่ขัดแย้ง ส่วนที่ว่านายแพทย์ปิยะพงศ์ จะให้ข้อมูลใดๆ ก็เป็นสิทธิ์ของเขา และเรื่องการฆ่าที่บอกว่ามีท่าพิเศษนั้น ไม่ขอให้ความเห็น ตำรวจจะทำงานตามพยานหลักฐานเท่านั้น ส่วนเรื่องการฆ่าท่าพิเศษ ตำรวจก็สอบหมอปิยะพงศ์เช่นกันตามที่ได้ให้ข้อมูลไว้ แต่ทั้งนี้ รายงานการชันสูตรของแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ กับทางแพทย์ที่ชันสูตรศพในจุดที่พบศพคือที่ จ.พัทลุง ก็สอดคล้องกัน หมอจะดูแต่บาดแผล และลงความเห็นว่าตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจ แต่สาเหตุการตายก็ต้องดูตามรายงานแพทย์ คือถูกรัดคอ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ นพ.ปิยะพงศ์ รายงานเรื่องวิธีการฆ่า จะมีผลต่อรูปคดี ทำให้ผู้ต้องหาหลุดหรือไม่ พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะพนักงานสอบสวนตรวจสอบหลักฐานก็ไม่มีจุดใดที่ขัดกัน ประเด็นต่างๆ แพทย์ชันสูตรก็ตอบได้ทุกประเด็น แต่คงเปิดเผยทั้งหมดไม่ได้ เพราะหากไปพูดทุกอย่างคดีจะเสียหาย ในส่วนของพ่อแม่ผู้ต้องหายังไม่มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ยังเป็นข้อหาเดิม ไม่มีหลักฐานเกี่ยวข้องกับการตายของนายเอกยุทธ
เมื่อถามอีกว่าทรัพย์สินของนายเอกยุทธ ที่คนร้ายนำไปโยนทิ้ง ยังหาไม่พบ อาจจะทำให้ศาลยกฟ้อง อันเนื่องจากมูลเหตุแห่งความสงสัย เพราะในสำนวนระบุว่าต้องการชิงทรัพย์ พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า คดีนี้ถือว่าจับได้รวดเร็ว และยึดของกลางคืนมาได้มากพอสมควร แม้ว่าจะไม่ได้คืนมาทั้งหมด แต่ตำรวจก็พยายามรวบรวมให้ได้มากที่สุดแล้ว ซึ่งรายละเอียดคงยังบอกไม่ได้ จะต้องตรวจสอบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมเสร็จแล้วคงจะบอกได้ว่าจะส่งสำนวนคดีให้อัยการได้เมื่อใด