สตม.ประสาน ตร.สากล ตามล่าหัวหน้า “แก๊งอุ้มบุญ” ชาวไต้หวัน ลวงสาวเวียดนามกักขัง-ตั้งครรภ์ให้เศรษฐี คาดขออนุมัติหมายจับได้ในสัปดาห์หน้า รอสรุปผลสอบหมอทำคลอด-รพ.โดนคดีกักขังคนเพื่อประโยชน์ทางการค้าด้วยหรือไม่
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม.ร่วมกับ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) บุกจับกุมแก๊งผู้ต้องหาชาวไต้หวัน ที่เปิดบริษัทรับจ้างตั้งครรภ์ทางโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ต ก่อนล่อลวงหญิงเวียดนามมากักขัง ยึดพาสปอร์ต เพื่ออุ้มบุญให้เศรษฐีต่างชาติ เสียค่าใช้จ่าย 1.5 ล้านบาทต่อคน โดยแบ่งค่าจ้างในการอุ้มท้องคลอดเด็กกับหญิงผู้เสียหาย จำนวน 1.5 แสนบาท และใช้ รพ.เอกชน ย่านมีนบุรี เป็นที่ทำคลอด เหตุกิดเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้ (27 ก.พ.) พล.ต.ต.ม.ล.พันธ์ศักดิ์ เกษมสันต์ รอง ผบช.สตม. เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย ที่เป็นหญิงชาวเวียดนามจำนวน 13 คน และผู้ต้องหาชาวไต้หวัน ที่จับกุมได้ทั้ง 5 รายแล้ว ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับ นายเสียง ลุง โล ชาวไต้หวัน หัวหน้าแก๊งอุ้มบุญ ที่อยู่ระหว่างหลบหนี คาดว่า ในสัปดาห์หน้าจะสามารถขออนุมัติหมายจับจากศาลได้ นอกจากนี้ สตม.ยังได้ประสานงานกับตำรวจสากล เพื่อหาแหล่งกบดานของหัวหน้าแก๊งดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าหลบหนีอยู่ที่ไหน ส่วนผู้ต้องหาที่จับได้นั้นนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้แล้ว
พล.ต.ต.ม.ล.พันธ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า ด้านเหยื่อสาวชาวเวียดนามทั้งหมดไปฝากดูแลที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ เนื่องจากส่วนใหญ่กำลังตั้งท้อง ส่วนจะส่งกลับประเทศเมื่อไหร่นั้น ทาง สตม.ยินดีเร่งทำคดีในส่วนผู้เสียหายให้เสร็จเร็วที่สุด ขึ้นอยู่กับทางสถานฑูตเวียดนามว่าต้องการให้คนของเขากลับเมื่อใด เพราะต้องดูเรื่องความปลอดภัยทั้งตัวเด็กในท้อง และแม่เด็กด้วย นอกจากนี้ มีหญิงชาวเวียดนามคลอดลูกแล้ว 1 ราย แต่เด็กมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ กำลังพักฟื้นอยู่ที่ รพ.ย่านมีนบุรี ทั้งคู่
“ส่วนการดำเนินคดีกับ รพ.ที่เกี่ยวข้องนั้น เป็นเรื่องของกระทรวงสาธารณสุข และแพทยสภาเอาผิด เพราะการทำเด็กหลอดแก้วนั้น ยังไม่มีบทลงโทษทางอาญา มีแต่ความผิดทางวินัย สามารถลงโทษแทพย์ที่รู้เห็นเกี่ยวข้อง โดยการยึดใบประกอบโรคศิลป์ และพักงานหมอเท่านั้น ส่วน สตม.จะสามารถดำเนินคดีข้อหา ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวและใช้ประโยชน์ทางการค้าได้หรือไม่นั้น แต่ต้องรอสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดว่า รพ.และแพทย์ รู้เห็นเกี่ยวข้องหรือไม่” รอง ผบช.สตม.กล่าว