ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงนามความตกลงร่วมกัน จัดโครงการ “ศรัทธาธรรมนำชีวิต” ประจำปี 2555 พร้อมแนะนำสินเชื่อ เพื่อส่งเสริมอาชีพสุจริตแก่ครอบครัวและญาติผู้ต้องขัง ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายสมศักดิ์ รังสิโยภาส รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ด้วยความร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงาน ในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นับเป็นอีกรูปแบบหนึ่งในการเข้าถึงวิธีการพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง เพื่อคืนคนดี ให้มีคุณค่า และพร้อมที่จะออกไปดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคม และครอบครัวอย่างมีความสุข หลังจากได้รับการพ้นโทษแล้ว
นายฐานิส ศรียะพันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ในฐานะที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นหน่วยงานหลักในการเสริมสร้างสันติสุข ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมให้การสนับสนุนกิจกรรมดีๆ ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ที่ได้มาจัดทำโครงการ “ศรัทธาธรรมนำชีวิต” ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และยังนำบริการต่างๆของธนาคารที่เป็นประโยชน์แก่ครอบครัวและญาติผู้ต้องขังมาให้บริการ ทำให้เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียนภายในชุมชน และที่สำคัญยังเป็นการช่วยเหลือคนยากจนในพื้นที่ ได้ประกอบอาชีพสุจริตที่มีความยั่งยืนอีกด้วย
นายก่อเกียรติ วงศ์อารี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2554 กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ลงนามความตกลงร่วมกัน ในการจัดกิจกรรมการบรรยายศาสนธรรม รวมทั้งการให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติแก่ผู้ต้องขังมุสลิม ณ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี และเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม
ในปี 2555 ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้มีแผนการดำเนินงานจัดทำโครงการ “ศรัทธาธรรมนำชีวิต” ในทัณฑสถาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ เรือนจำกลางยะลา เรือนจำกลางปัตตานี และเรือนจำกลางนราธิวาส ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม พ.ศ. 2555
โดยความร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมดูแล และพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง เพื่อคืนคนดี มีคุณค่า สู่สังคม และความร่วมมือกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เกื้อกูลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และสามารถอยู่ร่วมกันได้ อย่างสามัคคี มีทัศนคติที่ดีต่อกัน และมีคุณธรรม ภายใต้ความหลากหลายทางความคิด วิถีชีวิต ในสังคมพหุวัฒนธรรม
“ทั้ง 3 หน่วยงาน ซึ่งมีนโยบายที่สอดคล้องกันในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยธนาคารมีเป้าหมายในการจัดกิจกรรมบรรยายศาสนธรรมแก่ผู้ต้องขังมุสลิม เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทางด้านจิตใจ อารมณ์ และการมีทัศนคติที่ดี รวมทั้งการปฏิบัติตนของผู้ต้องขังมุสลิมให้สอดคล้องกับหลักธรรมคำสอนของศาสนาในขณะที่อยู่ในทัณฑสถาน และได้จัดให้กิจกรรมส่งเสริมอาชีพ เพื่อแนะนำสินเชื่อในการประกอบอาชีพสุจริตแก่ครอบครัวและญาติผู้ต้องขัง เพื่อเปิดโอกาสให้กับญาติผู้ต้องขังได้ประกอบอาชีพสุจริตที่มีความยั่งยืน และเพื่อเป็นการรองรับการสร้างอาชีพของครอบครัวให้กับผู้ต้องขัง หลังจากได้รับการพ้นโทษ” นายก่อเกียรติ วงศ์อารี กล่าวทิ้งท้าย
นายสมศักดิ์ รังสิโยภาส รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ด้วยความร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงาน ในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นับเป็นอีกรูปแบบหนึ่งในการเข้าถึงวิธีการพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง เพื่อคืนคนดี ให้มีคุณค่า และพร้อมที่จะออกไปดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคม และครอบครัวอย่างมีความสุข หลังจากได้รับการพ้นโทษแล้ว
นายฐานิส ศรียะพันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ในฐานะที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นหน่วยงานหลักในการเสริมสร้างสันติสุข ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมให้การสนับสนุนกิจกรรมดีๆ ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ที่ได้มาจัดทำโครงการ “ศรัทธาธรรมนำชีวิต” ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และยังนำบริการต่างๆของธนาคารที่เป็นประโยชน์แก่ครอบครัวและญาติผู้ต้องขังมาให้บริการ ทำให้เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียนภายในชุมชน และที่สำคัญยังเป็นการช่วยเหลือคนยากจนในพื้นที่ ได้ประกอบอาชีพสุจริตที่มีความยั่งยืนอีกด้วย
นายก่อเกียรติ วงศ์อารี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2554 กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ลงนามความตกลงร่วมกัน ในการจัดกิจกรรมการบรรยายศาสนธรรม รวมทั้งการให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติแก่ผู้ต้องขังมุสลิม ณ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี และเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม
ในปี 2555 ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้มีแผนการดำเนินงานจัดทำโครงการ “ศรัทธาธรรมนำชีวิต” ในทัณฑสถาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ เรือนจำกลางยะลา เรือนจำกลางปัตตานี และเรือนจำกลางนราธิวาส ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม พ.ศ. 2555
โดยความร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมดูแล และพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง เพื่อคืนคนดี มีคุณค่า สู่สังคม และความร่วมมือกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เกื้อกูลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และสามารถอยู่ร่วมกันได้ อย่างสามัคคี มีทัศนคติที่ดีต่อกัน และมีคุณธรรม ภายใต้ความหลากหลายทางความคิด วิถีชีวิต ในสังคมพหุวัฒนธรรม
“ทั้ง 3 หน่วยงาน ซึ่งมีนโยบายที่สอดคล้องกันในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยธนาคารมีเป้าหมายในการจัดกิจกรรมบรรยายศาสนธรรมแก่ผู้ต้องขังมุสลิม เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทางด้านจิตใจ อารมณ์ และการมีทัศนคติที่ดี รวมทั้งการปฏิบัติตนของผู้ต้องขังมุสลิมให้สอดคล้องกับหลักธรรมคำสอนของศาสนาในขณะที่อยู่ในทัณฑสถาน และได้จัดให้กิจกรรมส่งเสริมอาชีพ เพื่อแนะนำสินเชื่อในการประกอบอาชีพสุจริตแก่ครอบครัวและญาติผู้ต้องขัง เพื่อเปิดโอกาสให้กับญาติผู้ต้องขังได้ประกอบอาชีพสุจริตที่มีความยั่งยืน และเพื่อเป็นการรองรับการสร้างอาชีพของครอบครัวให้กับผู้ต้องขัง หลังจากได้รับการพ้นโทษ” นายก่อเกียรติ วงศ์อารี กล่าวทิ้งท้าย