"อากง"แนวร่วม นปช.ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง เสียชีวิตแล้ว หลังเข้ารักษาอาการปวดท้อง คาดผลพ่วงจากป่วยโรคมะเร็ง ด้านอธิบดีกรมคุก ยัน "อากงเสียชีวิตจริง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างแพทย์ชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง
วันนี้ (8 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอำพล ตั้งนพกุล หรือ อากง กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นักโทษคดีหมิ่นเบื้องสูงฯ วัย 61 ปี ที่ถูกศาลอาญาพิพากษาให้จำคุก 20 ปี ในความผิดมาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อเวลา 09.00 น.ของวันนี้ (8 พ.ค.) หลังมีอาการปวดท้อง เนื่องจากคาดว่าน่าจะเป็นผลพวงจากอาการป่วยด้วยโรคมะเร็ง
นายก่อเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า นายอำพล เสียชีวิตในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องนำศพส่งไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจให้ชันสูตรพลิกศพ ก่อนจะให้ญาติรับศพกลับไปดำเนินการต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวยืนยันว่า นายอำพลได้เสียชีวิตลงแล้วจริง หลังมีอาการปวดท้องมาตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยแพทย์ในเรือนจำได้ให้ยาบรรเทาปวดเบื้องต้น และเสียชีวิตเมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างให้แพทย์ชันสูตรสาเหตุของการเสียชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ นายอำพลถูกจับกุมตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. 2553 และถูกคุมขัง 2 เดือนก่อนศาลจะอนุญาตให้ประกันตัว แต่หลังนายอำพลไปรายงานตัวเพื่อรับทราบคำสั่งฟ้องของอัยการเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2554 ศาลก็ไม่อนุญาตให้ประกันตัวอีกจนถึงปัจจุบัน แม้จะมีการยื่นขอประกันตัวอีกหลายครั้ง ด้วยเหตุที่ว่าเกรงจำเลยจะหลบหนี ส่วนการพิพากษานั้นในวันที่ 23 พ.ย. 2554 ศาลได้ตัดสินจำคุกนายอำพล 20 ปี จากการส่งข้อความสั้น (SMS) เข้าข่ายหมิ่นสถาบันไปยังเลขานุการส่วนตัวในอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในช่วงกลางปี 2553 ซึ่งมีการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงและนายอภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา นายอานนท์ นำภา ทนายความของนายอำพล หรือ “อากง” ผู้ต้องขังคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 ที่ถูกพิพากษาจำคุก 20 ปี เพิ่งดำเนินการยื่นถอนอุทธรณ์ในคดีดังกล่าว เนื่องจากเจ้าตัวต้องการจะขอพระราชทานอภัยโทษ ประกอบกับอายุมากและเป็นโรคประจำตัว แต่ปรากฏว่ามาเสียชีวิตเสียก่อน
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำศพนายอำพล มายังสถาบันนิติเวช เพื่อให้แพทย์ได้ผ่าชันสูตร โดยไม่มีญาติ หรือกลุ่มคนเสื้อแดงมาคอยรอดูศพแต่อย่างใด