xs
xsm
sm
md
lg

นายตำรวจที่ชื่อ คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง/บรรจง นะแส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ : ฝ่าเกลียวคลื่น
โดย...บรรจง นะแส

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก สตช.กล่าวถึงเหตุผลที่มีการแต่งตั้ง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 มารักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็เพราะว่าเขาเคยทำหน้าที่ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมมาแล้วอย่างโชกโชน ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ ที่มี พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เคยดูแลการชุมชน เขาเป็นนายตำรวจคนหนึ่งที่ไม่เคารพกฎหมายขั้นตอนในการจัดการกับผู้ชุมนุม จนเป็นเหตุให้ผู้บัญชาการตำรวจในยุคนั้น (พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์) และนายตำรวจอีกหลายท่าน ต้องตกเป็นจำเลยอยู่ที่ศาลสงขลา

เหตุการณ์สลายการชุมนุมของพี่น้องในอำเภอจะนะ และใกล้เคียงลุกขึ้นมาคัดค้านการก่อสร้างโรงแยกก๊าซ และท่อส่งก๊าซ ในสมัยที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร สั่งเดินหน้าโครงการ ในปี 2545 ทั้งๆ ที่มีการออกมานำเสนอข้อมูลถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการอัปยศดังกล่าว ไม่ว่ากรณีการทำให้ประเทศชาติต้องตกเป็นเบี้ยล่างเสียเปรียบให้แก่ประเทศมาเลเซีย การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตลอดถึงการทำประชาพิจารณ์ของโครงการที่เต็มไปด้วยการใช้เล่ห์เพทุบายจนก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความรุนแรง ความแตกแยกเกิดขึ้นในพื้นที่อย่างยากที่จะแก้ไข แม้เหตุการณ์จะผ่านพ้นมาถึงวันนี้สิบปีแล้วก็ตาม สิบปีที่ผ่านมา สภาพแวดล้อมของชุมชนถูกทำลายลงย่อยยับทั้งบนบก และในทะเล ยังไม่รวมถึงผลประโยชน์ของชาติ คือ แหล่งก๊าซในพื้นที่ JDA ที่ต้องถูกจัดสรรปันส่วนผลประโยชน์ให้แก่ประเทศเพียงไม่ถึง 15% นอกนั้นตกไปอยู่ในมือของผู้ถือหุ้นใน ปตท.และทุนต่างชาติอย่างมาเลเซีย และบริษัทขุดเจาะของอเมริกา

การจัดการชุมนุมเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการดำเนินโครงการโรงแยกก๊าซ และท่อส่งก๊าซไทย-มาเลย์ ของพี่น้องที่จะได้รับผลกระทบต่อชุมชน และฝ่ายต่างๆ ที่เห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวจะส่งผลให้ประเทศชาติต้องเสียหาย ในวันที่ 20 ธันวาคม 2545 ณ ถนนจุติอนุสรณ์ทางเข้าโรงแรม เจ.บี.หาดใหญ่ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ได้เข้าไปสร้างวีรกรรมการใช้อำนาจรัฐเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพี่น้องที่เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านโครงการโรงแยกก๊าซ และท่อส่งก๊าซไทย-มาเลเซีย เนื่องในโอกาสที่อดีตนายกฯ ทักษิณจะมาจัดให้มีการประชุม ครม.สัญจร จนนำไปสู่การปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุม ส่งผลให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย

นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ชุมนุม และต่อมา ได้จับกุมชาวบ้านอีกหลายสิบคนไปดำเนินคดีในคดีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้เข้าสลาย และจับกุมผู้ชุมนุมไปดำเนินคดีหลายสิบคดี ท่านผู้อ่านสามารถเข้าไปดูความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=95K8q5s94g4 และนายตำรวจที่ไม่ใส่หมวก เดินออกมานอกแผงเหล็กกั้น แล้วเข้าไปกระชากนักศึกษาที่นั่งทานข้าวกันอยู่ และโบกมือให้ตำรวจปราบจลาจลเดินออกมานอกแผงเหล็ก และเข้าสลายการชุมนุม จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก นั่นแหละคือเขาล่ะ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง

เหตุการณ์สลายการชุมนุมในครั้งนั้น ชาวบ้าน และผู้ร่วมชุมนุมได้ฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อศาลปกครองสงขลา จำเลยที่ถูกผู้ชุมนุมยื่นฟ้องประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นจำเลยที่ 1, จังหวัดสงขลาจำเลยที่ 2 และกระทรวงมหาดไทยที่ 3 ซึ่งตุลาการศาลปกครองสงขลาได้ตัดสินคดีนี้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2549 ตามคดีหมายเลขคดีที่ 454/2546 และคดีหมายเลขแดงที่ 51/2549 โดยพิพากษาสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจ่ายค่าเสียหายชาวบ้าน 24 รายๆ ละ 10,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยกำหนดให้ชำระภายใน 30 วัน

นอกจากนั้น บรรดาตำรวจที่ตกเป็นจำเลยในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ ตามคดีหมายเลขดำที่ 1818/2546 เช่น พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ พล.ต.อ.สัณฐาน ชยนนท์ พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข พ.ต.ท.เล็ก มียัง พ.ต.ต.อธิชัย สมบูรณ์ พ.ต.ต.บัณฑูรย์ บุญเครือ ซึ่งถือเป็นเจ้าหน้าที่กลุ่มแรกที่ศาลได้รับฟ้อง และกำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินคดี พล.ต.ต.คำรณวิทย์ อย่าเพิ่งดีใจว่าสิ่งที่ท่านได้ร่วมกระทำความผิดในเวลานั้นท่านจะรอดเงื้อมมือกระบวนการยุติธรรมไปได้ เพราะคดีดังกล่าวยังมีอายุความให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการเอาผิดกับท่านได้

พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เติบโตรวดเร็วพรวดพราดในยุคที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ข่าวว่า เขาเป็นมือไม้ที่สำคัญในการดำเนินตามนโยบาย “ปราบโจรกระจอก” ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณในยุคนั้น บางข่าวเล่าลือในความใจถึงเป็นมืออุ้มมือพิฆาต จนพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ลุกเป็นไฟมาจนถึงปัจจุบัน วันนี้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้รับการวางตัวให้มารักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อทำหน้าที่ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมในกรุงเทพมหานคร ก็อย่าลืมบทเรียนที่ท่านมีส่วนทำให้พื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ลุกเป็นไฟก็แล้วกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น