คอลัมน์ : ด้ามขวานผ่าซาก
โดย...ปิยะโชติ อินทรนิวาส
ไม่รู้ใครมีความรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่า เวลานี้ผมรู้สึกว่า สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นแทบจะทั่วหัวระแหง กำลังถูกทำให้เดินไปตามความต้องการของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่อยากจะเห็นการสุมไฟกองใหญ่เผาผลาญบ้านเมือง เพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงตามที่ตัวเองต้องการใกล้เป็นจริงเข้าไปทุกที
แค่ห้วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญ อันเป็นเหมือนการจุดไฟสุมไปในหลายๆ พื้นที่ของระบอบทักษิณ ซึ่งก็ล้วนมีเป้าหมายต้องการให้ลุกโชนสังคมไทยอย่างที่ว่านั่นแหละ แต่เผอิญว่ายังเป็นไฟกองที่ไม่ใหญ่เท่านั้น
วันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.พร้อมด้วย ไสว ณ พัทลุง ผู้บริหารเครือพิงค์เลดี้ นำคณะเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงอย่างเอิกเกริกที่ถิ่นเกิดป๋า-พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แต่เพียงชั่วข้ามคืน ศาลาที่ใช้ทำพิธีที่ตั้งอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 18/4 ม.2 บ้านแคเหนือ ต.แค อ.จะนะ จ.สงขลา ก็กลับถูกเผาวอดไปทั้งหลัง
ก่อนหน้าวันที่ 13 พ.ค.ธิดา ถาวรเศรษฐ จตุพร พรหมพันธุ์ เหวง โตจิราการ ก่อแก้ว พิกุลทอง มีแผนจัดเวทีปราศรัย และเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงที่ ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต แต่กลับถูกประชาชนในพื้นที่ลุกฮือขึ้นต่อต้าน เริ่มเคลื่อนไหวกันตั้งแต่ก่อนวันจัดงาน และเฝ้าระวังต่อเนื่องถึง 3 วัน จนในที่สุด กิจกรรมเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงก็ล้มไม่เป็นท่า
ระหว่างที่ชาวภูเก็ตกำลังฮือต้านเปิดหมู่บ้านเสื้อแดง ค่ำคืนวันที่ 12 พ.ค.ตั๊ก-บงกช คงมาลัย หลังถูกป่วนถึงกองถ่ายล่ม ขณะขับรถเก๋งส่วนตัวหนีก็ถูกแก๊งเสื้อแดงขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ล่าบนท้องถนนที่พัทยา จ.ชลบุรี ด้วยไม่พอใจที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นที่คนเสื้อแดงหยิบเอาการเสียชีวิตของอากง-อำพล ตั้งนพกุล ไปผูกกับ ม.112 และตีกระทบไปถึงสถาบัน แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดเหตุเลือดตกยางออกอย่างที่มีคนอยากให้เป็น
กว่าสัปดาห์มาแล้วที่ศพของอากงถูกระบอบทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นพลพรรคเสื้อแดง พลพรรคเพื่อไทย หรือเครือข่ายขบวนการล้มเจ้า หยิบเอาไปใช้เป็นเครื่องมือในการปลุกระดมให้เกิดความปั่นป่วน ซึ่งหากมองอย่างพินิจพิจารณาสักหน่อย ก็จะเห็นความต้องการจุดไม้ขีดก้านใหม่ๆ เพื่อก่อกองไฟใหม่ๆ ให้สะบัดเปลวใส่สังคมไทยเพิ่มอีกนั่นเอง
ความจริงแล้วตัวตนของ นช.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมข้าทาสบริวารว่านเครือในระบอบทักษิณ ได้เพียรพยายามร่วมกันจุดไฟ แล้วก็เพียรพยายามทำทุกวิถีทางให้ไฟหลายๆ กองได้มารวมกันเป็นกองใหญ่ เพื่อให้เกิดการเผาผลาญบ้านเมืองครั้งใหญ่มาโดยตลอด
เพียงแต่ว่าบางหน หัวไม้ขีดเกิดเปียกน้ำเสียก่อน หลายครั้งที่จุดติดก็เป็นไฟกองไม่ใหญ่ แถมยังกระจายไปถ้วนทั่ว มีบ้างที่ดูเหมือนจะเอาฟืนที่กำลังโชนเปลวจากหลายๆ กองมารวมกันได้ แต่ก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองก็ดลบันดาลให้ประเทศไทยรอดพ้นไปได้เสียทุกครั้ง
จนหลายคนปรามาสว่า “จุดไม่ติด” ซึ่งก็มีนัยไปทำนองว่า ไม่มีวันหรอกที่ทักษิณจะทำให้เกิดไฟกองใหญ่เผาผลาญสังคมไทย แล้วทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเป็นไปในทิศที่ต้องการ
ทว่า ผมกลับเห็นต่างในเรื่องนี้
กรณีตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงที่เลือกลงไปปักหมุดที่ภาคใต้ ซึ่งไม่ใช่พื้นที่อิทธิพลของระบอบทักษิณ หรือกรณีให้เครือข่ายหยิบเอาศพอากงไปเป็นเครื่องมือใช้เปิดหน้าเล่นเกมเผาบ้านเผาเมืองในหลายๆ ด้าน แม้เวลานี้ดูเหมือนเปลวไฟจะซาๆ ลงไปบ้าง แต่ต้องถือว่าได้ “จุดติด” ไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
เช่นเดียวกับกรณีอื่นๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผมเองก็เห็นว่า แทบทุกวิกฤตนั่นแหละที่ทักษิณเป็นผู้ก่อไฟ แล้วก็จุดติดมาตลอด แถมทุกเหตุการณ์ล้วนโยงใยมีปฏิสัมพันธ์กันไปเสียหมด จึงต่างช่วยเสริมเติมเชื้อไฟให้แก่กันและกันได้เป็นอย่างดี
และที่สำคัญ เชื้อไฟที่ถูกทิ้งให้คุกรุ่นอยู่เหล่านั้น เป็นการรอเวลาว่าเมื่อไหร่จะถูกหยิบไปรวมเป็นกองใหญ่เท่านั้น
ตัวอย่างที่พอจะนึกได้ตอนนี้ เช่น การพยายามตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงในภาคใต้ หลายต่อหลายครั้งตั้งใจให้รุกเข้าไปในพื้นที่ไฟใต้ เหตุไม่สงบที่ชายแดนใต้ ก็เป็นผลจากความอหังการที่ต้องการตั้งรัฐตำรวจ อุ้มฆ่าไฟใต้ ก็ร่วมสมัยกับฆ่าตัดตอนยาเสพติด ไฟใต้ไม่เคยมอดดับ เพราะเกมชิงอำนาจและผลประโยชน์ เวลานี้ดูเหมือนจะไฟเขียวให้ทหารขี่พลเรือน ขณะเดียวกัน ก็เล่นงานทหารเสียอ่วมจากเหตุสลายการชุมนุม 91 ศพในกรุงเทพฯ แม้กรณีภาพหลุดทหารลงแขกผู้หญิงในค่ายฝึกที่กำลังว่อนอยู่ในสื่อสังคมออนไลน์ สร้างความเสื่อเสียให้แก่กองทัพจนระดับบิ๊กๆ ชักแถวออกมาเต้นแก้ข่าวกันเป็นว่าเล่น ผมเองก็เชื่อว่า น่าจะมีเหตุมาจากต้นตอเดียวกัน
เรื่องอากงตายในคุกแล้วบานปลายขยายวงก็ไม่ใช่อยู่ดีๆ เกิดขึ้นเองเสียเมื่อไหร่ แต่ถูกวางไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน โยงใยกับการเคลื่อนไหวของบรรดาไพร่ที่ต้องการล้มอำมาตย์ แก๊งทำลายป๋าเปรม ขบวนการล้มเจ้า การกล่าวหาว่าสถาบันอยู่เบื้องหลังรัฐประหาร สาวได้ไปถึงปฏิญญาฟินแลนด์ มองเห็นไปถึงการแอบอิงอาศัยใช้กันและกัน เป็นเครื่องมือของพวกซ้ายตกยุค กับกลุ่มก๊วนนักการเมืองน้ำเน่าตกสมัย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีกลุ่มทุนสามานย์แอบแฝงอยู่ในฉากหลัง
ผมจึงไม่แปลกใจอะไร ที่ท่ามกลางการจุดไฟเผาประเทศหย่อมแล้วหย่อมเล่า แต่ทั้งทักษิณและเครือข่ายก็ยังมุ่งมั่นแล่เนื้อเถือหนังสังคมไทย ตั้งหน้าตั้งตากอบโกยผลประโยชน์จากประเทศชาติ และประชาชนไปให้ได้มากที่สุด เพราะนั่นนอกจากจะเพื่อสะสมความมั่งคั่งแล้ว ยังได้ใช้ส่วนหนึ่งไปในการอำนวยความสะดวกต่อการก่อไฟเผาบ้านเมืองด้วย
อย่างที่บอกครับ เวลานี้ทักษิณเร่งก่อไฟ และจุดติดมาโดยตลอด รอแต่เพียงว่าเชื้อไฟแต่ละกองจะมีเงื่อนไขอะไรให้ได้ไปรวมกัน หรืออาจจะมีการจุดไฟกองใหม่ขึ้นมา เพื่อดูดดึงเอาทุกเชื้อไฟ และเปลวเพลิงที่ระอุคุกรุ่นกระจัดกระจายให้ไปรวมกัน ซึ่งก็จะกลายเป็นไฟกองใหญ่ได้ในที่สุด
เวลานี้ผมเห็นว่า น่าจะมีอย่างน้อย 3 เงื่อนไขที่ทำให้ทักษิณติดไฟกองใหญ่เผาผลาญประเทศได้บรรลุผล 1.การที่ไทยจะต้องเสียดินแดนให้แก่เขมรจากคำสั่งศาลโลก ซึ่งไม่ใช่แค่บริเวณเขาพระวิหาร แต่รวมตลอดเขตแนวติดต่อกันบนบกและกินพื้นที่ลงทะเลอ่าวไทย ทำให้ไทยเราต้องสูญเสียทรัพยากรจำนวนมาก 2.น่าจะไม่นานแล้วที่คนไทยไม่ทนให้ ปตท.ขูดรีดเอาประโยชน์จากพลังงานของชาติ และ 3.การลุกฮือของพลังแห่งศีลธรรมขึ้นต่อกรกับเหล่าคนชั่วช้าสามานย์ที่ครอบงำสังคมไทยมายาวนาน
มาถึงตรงนี้ ผมอยากจะเชิญชวนพี่น้องพันธมิตรฯ ไปร่วมคอนเสิร์ต “เมืองไทยรายสัปดาห์ภาคพิเศษ” ที่มีไฮไลต์อยู่ที่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เดี่ยวไมโครโฟนในหัวข้อ “ปฏิรูปประเทศไทย เปิดโปงการเมืองน้ำเน่า ฉีกหน้ากากขบวนการตีกิน” วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2555 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพฯ กันให้มากๆ นะครับ