ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ที่ปรึกษาโอไอซีระบุ ปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งทางศาสนา และถือว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดาของประเทศที่มีชนกลุ่มน้อย
วันนี้ (9 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หลังจากที่ นายอัล มัสรี่ (H.E. Mr. Sayed Kassem El- Masry) ที่ปรึกษาเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ OIC พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับฟังถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ พร้อมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ
โดยนายอัล มัสรี่ ที่ปรึกษาเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม ได้กล่าวในขณะที่พบปะกับกลุ่มบัณฑิตอาสาที่เข้าร่วมอบรมตามโครงการของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ตนรู้สึกดีใจที่ได้เดินทางลงพื้นที่อีกครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นครั้งที่ 2 หลังจากเดินทางมายังประเทศไทย 3 ครั้ง
ทั้งนี้ โอไอซีมองว่า เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยนั้น เป็นการก่อเหตุของกลุ่มคนกลุ่มน้อย ที่เกิดความขัดแย้งในอัตลักษณ์ การนับถือศาสนา แต่เยาวชนในพื้นที่เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ปัญหาทุกอย่างบรรเทาลง หากทุกคนให้ความร่วมมือในการเข้าใจปัญหา และเข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมนำสันติสุขคืนสู่พื้นที่
ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยถูกมองว่า มีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด จากนั้นมาทางโอไอซีได้ให้ความสนใจที่จะเข้ามาศึกษา แสวงหาลู่ทางที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การโอไอซี จนทางโอไอซีและรัฐบาลไทยได้ลงนามความร่วมมือกันบนพื้นฐานของการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทางโอไอซีได้ให้ความสำคัญกับประเทศไทย ไม่ใช่เพราะว่าประเทศไทยไม่ให้ความสำคัญกับมุสลิม แต่ดีใจเนื่องจากที่ผ่านมาเหตุการณ์ความรุนแรงและความสูญเสียได้ลดลง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี และจะมีการนำเรียนต่อเลขาธิการโอไอซีทันทีที่เดินทางกลับจากการเยือนไทยในครั้งนี้
นายอัล มัสรี่ ที่ปรึกษาเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม ระบุว่า ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้เกิดจากศาสนา และอิสลามไม่ได้มีส่วน ปัจจัยสำคัญคือ ความต่างในเรื่องอัตลักษณ์ ความต่างในเรื่องของชาติพันธุ์ ศาสนา ประเพณี ซึ่งอาจจะมีส่วนเพียงเล็กน้อยที่จะเข้ามาทำให้เกิดปัญหาระหว่างกลุ่มคน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในประเทศที่มีชนกลุ่มน้อยในโลกนี้
ทั้งนี้ ความรุนแรงและการใช้กำลังไม่ได้เป็นแนวทางที่จะมาใช้ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่การแสวงหาแนวทางที่เป็นสันติ สร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน การยอมรับในเรื่องสำคัญเหล่านี้ถือว่าเป็นแนวทางสู่สันติภาพอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ยังชื่นชมรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการให้การศึกษาในสถาบัน การเปิดโอกาสให้ใช้ภาษามลายูท้องถิ่นควบคู่กับภาษาประจำชาติ และทางโอไอซีก็ขอประณามกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งขัดกับหลักศาสนาอิสลาม
หลังจากนั้น ทางคณะที่ปรึกษาฯ โอไอซี ได้เข้าห้องประชุมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
วันนี้ (9 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หลังจากที่ นายอัล มัสรี่ (H.E. Mr. Sayed Kassem El- Masry) ที่ปรึกษาเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ OIC พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับฟังถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ พร้อมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ
โดยนายอัล มัสรี่ ที่ปรึกษาเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม ได้กล่าวในขณะที่พบปะกับกลุ่มบัณฑิตอาสาที่เข้าร่วมอบรมตามโครงการของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ตนรู้สึกดีใจที่ได้เดินทางลงพื้นที่อีกครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นครั้งที่ 2 หลังจากเดินทางมายังประเทศไทย 3 ครั้ง
ทั้งนี้ โอไอซีมองว่า เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยนั้น เป็นการก่อเหตุของกลุ่มคนกลุ่มน้อย ที่เกิดความขัดแย้งในอัตลักษณ์ การนับถือศาสนา แต่เยาวชนในพื้นที่เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ปัญหาทุกอย่างบรรเทาลง หากทุกคนให้ความร่วมมือในการเข้าใจปัญหา และเข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมนำสันติสุขคืนสู่พื้นที่
ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยถูกมองว่า มีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด จากนั้นมาทางโอไอซีได้ให้ความสนใจที่จะเข้ามาศึกษา แสวงหาลู่ทางที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การโอไอซี จนทางโอไอซีและรัฐบาลไทยได้ลงนามความร่วมมือกันบนพื้นฐานของการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทางโอไอซีได้ให้ความสำคัญกับประเทศไทย ไม่ใช่เพราะว่าประเทศไทยไม่ให้ความสำคัญกับมุสลิม แต่ดีใจเนื่องจากที่ผ่านมาเหตุการณ์ความรุนแรงและความสูญเสียได้ลดลง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี และจะมีการนำเรียนต่อเลขาธิการโอไอซีทันทีที่เดินทางกลับจากการเยือนไทยในครั้งนี้
นายอัล มัสรี่ ที่ปรึกษาเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม ระบุว่า ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้เกิดจากศาสนา และอิสลามไม่ได้มีส่วน ปัจจัยสำคัญคือ ความต่างในเรื่องอัตลักษณ์ ความต่างในเรื่องของชาติพันธุ์ ศาสนา ประเพณี ซึ่งอาจจะมีส่วนเพียงเล็กน้อยที่จะเข้ามาทำให้เกิดปัญหาระหว่างกลุ่มคน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในประเทศที่มีชนกลุ่มน้อยในโลกนี้
ทั้งนี้ ความรุนแรงและการใช้กำลังไม่ได้เป็นแนวทางที่จะมาใช้ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่การแสวงหาแนวทางที่เป็นสันติ สร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน การยอมรับในเรื่องสำคัญเหล่านี้ถือว่าเป็นแนวทางสู่สันติภาพอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ยังชื่นชมรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการให้การศึกษาในสถาบัน การเปิดโอกาสให้ใช้ภาษามลายูท้องถิ่นควบคู่กับภาษาประจำชาติ และทางโอไอซีก็ขอประณามกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งขัดกับหลักศาสนาอิสลาม
หลังจากนั้น ทางคณะที่ปรึกษาฯ โอไอซี ได้เข้าห้องประชุมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
