ที่ปรึกษาเลขาธิการองค์การการประชุมมุสลิมโลก หารือ สมช. เพื่อติดตามสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนใต้ พร้อมเข้าใจปัญหา เชื่อเป็นเรื่องภายใน ไม่ใช่เรื่องศาสนา “สมช.”เตรียมเวิร์กชอปยุทธศาสตร์ดับไฟ 17พ.ค.
วันนี้ (8 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายซาเยด ดาสเซม เอลมสรี่ ที่ปรึกษาเลขาธิการองค์การการประชุมมุสลิมโลก (โอไอซี) เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อติดตามสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
จากนั้นเวลา16.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.วิเชียรเปิดเผยว่า ทางโอไอซีเข้ามาติดตามสถานการณ์ดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องมุสลิมทั่วโลก และในครั้งนี้ก็มาดูพี่น้องมุสลิมที่บ้านเรา โดยเฉพาะทาง 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยสิ่งที่เราชี้แจงไปก็เป็นเรื่องนโยบายการบริหาร 3 จังหวัดชายแดนใต้ของเราในปี 2555-2557 ที่ออกตามกฎหมาย และการออกกฎหมายครั้งนี้ระบุไว้ชัดว่าต้องมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ไม่ว่าสังคม หรือประชาชน หรือแม้แต่การไปทำประชามติของพี่น้องมุสลิมในประเทศซาอุดีอาระเบีย ปากีสถาน มาเลเซีย เป็นต้น ซึ่งนโยบายนี้ค่อนข้างเป็นที่ยอมรับ และเป็นเรื่องที่มีความชัดเจน และเป็นนโยบายที่ผ่าน สมช.และ ครม.ซึ่งในสภาใช้เวลาถึง 2 วัน ที่ทาง ส.ส.ให้ความเห็นและแนะนำ ซึ่งส่วนใหญ่จะชื่นชมนโยบายฉบับนี้ หรือแม้แต่ตัวแทนโอไอซีที่เข้ามาก็ค่อนข้างชื่นชมนโยบายของเรา อย่างในเรื่องการเมืองนำการทหาร การที่ต้องการให้มีกระบวนการสันติภาพควบคู่ไปกับการพัฒนา
เลขาฯ สมช.กล่าวว่า ตนเล่าให้ตัวแทนโอไอซีฟังถึงการประชุม ครม.วันนี้ที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการที่จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารยุทธศาสตร์การพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ เป็นประธาน และมีเลขาฯ สมช.เป็นเลขาธิการ ขับเคลื่อน โดยจะมีการอบรมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กชอป) ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนเป็นไปได้รวดเร็ว และพูดคุยถึงเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ใต้ครั้งแรกและเร็วๆ นี้ก็จะลงไปอีก
ส่วนเรื่องสถานการณ์นั้นตัวแทนโอไอซีทราบอยู่แล้ว เพราะได้มีการติดตามและติดต่อคนในพื้นที่ แต่ถามว่านโยบายจะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างไร มีปัญหาอย่างไร ก็ได้มีการให้กำลังใจ โดยเขาต้องการให้มีความสงบสุขเกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งมีความเห็นที่ตรงกันอย่างหนึ่งคือเขาเข้าใจเราว่าไม่ใช่ความขัดแย้งทางศาสนา แต่เป็นเรื่องของวัฒนธรรมที่แตกต่าง เป็นเรื่องของปัญหาความไม่เข้าใจที่ซับซ้อนทับถมกันมา อีกทั้งโอไอซีเข้าใจดีว่าปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นเรื่องภายในที่เราต้องแก้ด้วยรัฐธรรมนูญของเรา เขาเข้าใจดี
“นอกจากการพัฒนา การแก้ปัญหาโดยการเมือง การพัฒนาให้พื้นที่มีการกระจายอำนาจตามวิถีชีวิต ตาม
อัตลักษณ์ความเป็นอยู่ เราก็ยังเปิดโอกาสให้มีการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี นั่นหมายความว่าเราเปิดโอกาสให้มีการพูดคุยกันกับคนที่พอจะพุดคุยได้ คนที่มีความคิดแตกต่าง ความที่ยังไม่เข้าใจและมีโอกาสจะทำความเข้าใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะคุยกับคนที่ทำความผิดรุนแรง ในส่วนเขาบอกว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยก็ยินดี” เลขาฯสมช.กล่าว
เมื่อถามว่า นโยบายการเมืองนำการทหารจะออกมารูปแบบไหน พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า การเมืองหมายความว่าแบ่งปันอำนาจแบ่งปันทรัพยากร นั่นคือความหมายของการเมืองในที่นี้ ดังนั้นการเมืองนำการทหารหมายความว่า ไปดูแลพัฒนาความเป็นอยู่ อาชีพ เศรษฐกิจหรืออำนาจท้องถิ่นที่เรามีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ชี้แจงให้ตัวแทนโอไอซีฟัง และเขาจะลงไปดูรายละเอียดกับเลขาฯ ศอ.บต.และแม่ทัพภาค 4 ต่อไป
“เคยคุยกับเขาที่โต๊ะอาหาร ซึ่งเขาถามว่าใครเป็นคนที่จะดูแลเรื่องการขยาย พ.ร.ก.ฉุนเฉิน ก็ได้เรียนให้ฟังว่าผู้ใช้คือ กอ.รมน. ซึ่งการขยายเวลานั้นเราก็ดูว่าพื้นที่ไหนที่สงบเรียบร้อยแล้วก็พยายามจะเปลี่ยนมาเป็น พ.ร.บ.ความมั่นคง ใช้มาตรา 21 ให้ลดความเข้มข้นของกฎหมายลง อย่างไรก็ตาม ครม.ก็มีมติการที่จะต่อขยาย
พ.ร.ก.ต้องมีการประเมินจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ ได้มีส่วนร่วมในการประเมินนั้นด้วยถึงประโยชน์ส่วนได้ส่วนเสียต่อการต่อ พ.ร.ก.” พล.ต.อ.วิเชียรกล่าว
