xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องประหลาดที่ปลายด้ามขวาน (2):วิกฤตศรัทธาส่วยน้ำมันเถื่อน/ไชยยงค์ มณีพิลึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

18 เม.ย.ที่ผ่านมาทหารเรือทัพเรือภาคที่2สงขลา จับกุมเรือประมงดัดแปลงบรรทุกน้ำเถื่อน 25,000 ลิตร ในน่านน้ำอ่าวไทย
คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก

อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมเขียนเรื่องประหลาดที่ปลายด้ามขวาน ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปราบปรามน้ำมันเถื่อนของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ถือว่าเรื่องน้ำมันเถื่อน ยาเสพติด และการค้าของผิดกฎหมายในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นภัยแทรกซ้อนที่สนับสนุนการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งผมรู้สึกว่าผมกับประชาชนถูกต้ม และ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ก็ถูกลูกน้องของท่านต้มด้วย เพราะสาเหตุที่การปราบปรามน้ำมันเถื่อนไม่ได้ผล เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้รับผลประโยชน์จากขบวนการ จึงทำให้ไม่มีการจับกุม ป้องกัน และปราบปรามอย่างจริงจัง

ปรากฏว่า หลังจากที่ผมได้เขียนเรื่องนี้ไป นอกจากจะมีการจับกุมผู้ลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่รายหนึ่งที่ อ.ละงู จ.สตูล ยึดได้น้ำมันเถื่อน ได้เรือ และได้รถบรรทุกอีก 3 คัน ซึ่งน้ำมันดังกล่าวเป็นของนักการเมืองใน จ.สงขลา ที่มีเรือบรรทุกน้ำมันแล่นอยู่ในฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามันจำนวน 5-6 ลำ

และควันหลงอีกอย่างหนึ่งที่ผมได้รับคือ มีคนใน กอ.รมน.หลายท่านติติงผมมาว่า ทำไม่ถึงเขียนตำหนิติติงแต่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ทั้งที่มีอีกหลายหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงในการป้องกัน ปราบปรามน้ำมันเถื่อน เช่น ตำรวจ ศุลกากร สรรพสามิต รวมทั้งฝ่ายปกครอง

ถูกต้องแล้วครับ ผู้ที่มีหน้าที่โดยตรงคือ ศุลกากร สรรพสามิต ตำรวจ ปกครอง และแถมท้ายด้วยสำนักงานพลังงานที่มีอยู่ทุกจังหวัด หาใช่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าไม่ แต่เพราะ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า นำเรื่องการค้าน้ำมันเถื่อนเป็นภัยแทรกซ้อนที่สนับสนุนการก่อความไม่สงบ และประกาศที่จะเป็นผู้ “จัดการ” ปราบปรามน้ำมันเถื่อนเอง เมื่อประกาศแล้วทำไม่ได้ เพราะทำไม่จริง “จำเลย” จึงเป็นใครไม่ได้นอกจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า

ถ้า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไม่ต้องการให้ชาวบ้านหัวเราะเยาะเย้ยถึงการเป็น “ขนมจีนเปล่า” ที่แก้ไม่ได้แม้แต่เรื่องง่ายๆ อย่างการจับกุมคนค้าขายน้ำมันเถื่อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ก็ต้องยุติภารกิจเรื่องการปราบปรามน้ำมันเถื่อน แล้วให้ตำรวจ ศุลกากร สรรพสามิต พลังงานดำเนินการ เพื่อที่จะได้ให้หน่วยงานเหล่านี้ กลายเป็น “จำเลย” ของสังคมที่มีหน้าที่แต่ไม่ทำหน้าที่ ซึ่งเชื่อว่าที่ไม่ทำหน้าที่เพราะหน่วยงานเหล่านี้ต่างเรียกรับประโยชน์จากขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ผมไม่มีความลำเอียงโดยเขียนติติง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เพียงหน่วยงานเดียว แต่ผมกล้าที่จะบอกว่า ที่ผมไม่เขียนถึงศุลกากร สรรพสามิต ตำรวจ และพลังงาน เพราะผมและประชาชนในพื้นที่หมดศรัทธาหน่วยงานเหล่านี้มานานแล้ว เพราะหน่วยงานเหล่านี้เป็นหน่วยงานที่เรียกรับผลประโยชน์จากขบวนการทำลายชาติมาโดยตลอด ดังนั้น ผมและประชาชน จึงฝากความหวังอยู่กับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นหน่วยงานที่คงจะไม่เดินตายรอยหน่วยงานอื่นๆ ที่คิดเพียงรับ “รายการ” มากกว่าที่จะเอาจริงกับการป้องกัน และปรามปราม

เพราะถ้าศุลกากรมีสำนึกในหน้าที่ และไม่มีเรื่องผลประโยชน์แอบแฝง รถบรรทุกน้ำมันเถื่อนจากประเทศมาเลเซียจะผ่านเข้ามาจากประเทศมาเลเซียทางด่านตรวจสะเดา ด่านตรวจปาดังเบซาร์ ด่านตรวจประกอบ จ.สงขลา หรือด่านตรวจสุไหงโก-ลก ตากใบ บูเกะตา จ.นราธิวาส หรือผ่านด่านตรวจวังประจัน และน่านน้ำใน จ.สตูล ได้อย่างไร เพราะประตูด่านแต่ละแห่งกว้างไม่ถึง 50 เมตร ถ้าไม่มีการ “ไฟเขียว” มีหรือที่จะมีการนำน้ำมันเถื่อนวิ่งผ่านด่านได้วันละเป็นร้อยๆ เที่ยว

ส่วนตำรวจนั้น ในชาตินี้เลิกหวังที่ให้ทำหน้าที่จับกุมขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนเหล่านี้ได้ เพราะทุกโรงพัก ทุกจุดตรวจ ทุกหมู่บ้าน ตำบล มีแต่แหล่งเก็บน้ำมันเถื่อน และเต็มไปด้วยผู้ขายน้ำมันเถื่อน มีการเก็บเงินเป็นรายเดือน ราย 15 วัน มีผู้รับผิดชอบในการเก็บ “ส่วย” ส่งให้ “นาย” ในระดับสูง มีการแบ่งปันผลประโยชน์กันอย่างสนุกสนาน โดยถือว่า เรื่องขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนเป็นเรื่องปกติ เช่นเดียวกับที่การค้ายาเสพติดก็เป็นเรื่องปกติในสายตาของตำรวจ

ผมขอบอก พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.ภ.9 ว่า ไอ้ชุดปราบน้ำมันเถื่อนที่ตั้งขึ้นมาทั้งของ บช.ภ.9 และของ ภ.จว.สงขลา จำนวนเกือบ 10 ชุด ไม่ได้ทำหน้าที่ป้องกัน ปราบปราม จับกุมน้ำมันเถื่อนอย่างที่มีการกำหนดในหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ของท่านตระเวนเก็บเงินจากผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ทั้งจากผู้บรรทุกน้ำมัน จากผู้ขายน้ำมัน ใครที่ขายน้ำมันเถื่อนเมื่อมีการจับกุมเกิดขึ้นก็จะ “ส่งเสริม” การขายด้วยการตั้ง “รายการ” เดือนละเท่านั้นเท่านี้ และส่งเสริมให้ขายได้อย่างเสรี แต่ต้องจ่าย “ส่วย” ทุกเดือนตามที่ตกลงกัน

และแม้แต่สรรพสามิตก็มีการส่งเจ้าหน้าที่ออกตระเวนเก็บเงินจากผู้ค้าน้ำมัน ทั้งจากรถบรรทุกน้ำมัน จากปั๊มน้ำมันถึง 3 ชุดด้วยกัน ระดับอำเภอ 1 ชุด ระดับจังหวัด 1 ชุด และระดับเขตอีก 1 ชุด เมื่อเป็นอย่างนี้ ถ้าคิดจะให้หน่วยงานเหล่านี้ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงเป็นผู้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น อีกกี่ชาติจึงจะทำได้สำเร็จ

วันนี้ วิกฤตศรัทธาของประชาชนที่มีต่อเจ้าหน้าที่รัฐจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่ในอนาคตอาจจะส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติ วันนี้ประเทศไทยนอกจากนักการเมืองที่มีส่วนในการสร้างวิกฤตศรัทธาให้เกิดขึ้นแก่ประเทศชาติแล้ว ข้าราชการเหล่านี้คือผู้ที่มีส่วนในการสร้างวิกฤตศรัทธาให้เกิดขึ้น

ทำไม่ประชาชนจึงไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐ กับหน่วยงานของรัฐในการแก้ปัญหาทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เหตุผลคือ ประชาชนมีหูมีตา รู้และเห็นถึงความแหลกเหลวในหน่วยงานของรัฐ เห็นถึงความไม่จริงใจ หรือเห็นถึงความไม่จริงจัง เห็นถึงการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เขารู้ว่านโยบายต่างๆ เป็นเรื่องโกหกพกลมหลอกลวงหลอกใช้ ซึ่งสรุปสุดท้ายคือการ “ต้ม” ประชาชน ประชาชนจึงไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐ และหน่วยงานของรัฐ

และนี่คือที่มาของความล้มเหลวของรัฐ และความล้มเหลวของอำนารัฐที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนต้องการเห็น และต้องการให้เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องที่เป็นเงื่อนไขจากคนของรัฐ จากหน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญ แต่รัฐไม่เคยมองเห็น และไม่เคยแก้ปัญหา ทั้งที่นี่คือต้นตอที่แท้จริงของความล้มเหลวที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ซึ่งเป็นเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นที่ปลายด้ามขวาน และมีอีกหลายๆ เรื่องที่ประหลาดไม่แพ้กัน ซึ่งสัปดาห์หน้า ผู้เขียนจะเขียนถึงเรื่องประหลาดอีกเรื่องหนึ่งของประเทศนี้ ที่ตั้งสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดขึ้นมา เพี่อให้เป็นหน่วยงานในการตีทะเบียน “ซ่องโสเภณี” เพื่อให้เป็น “ซ่องโสเภณี” ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งน่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกนี้ ที่นำเอาคำว่า “วัฒนธรรม” ไปเชื่อมโยงกับ “ซ่องโสเภณี” แล้วสัปดาห์หน้าจะมาบอกให้ฟัง จะมาเขียนให้เห็นกันว่ามันประหลาดอย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น