xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องประหลาดที่ปลายด้ามขวาน “เมื่อผมและประชาชนถูกต้ม”/ไชยยงค์ มณีพิลึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ - เหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บน้ำมันเถื่อนที่ อ.สุไหงโก-ลก มูลค่านับพันล้าน ซึ่งตั้งแหย่ปลายจมูกของทหารแท้ๆ เพียง 300 เมตร
คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก

จำได้ว่า ผมเคยเขียนถึงบทสรุปถึงสถานการณ์ความไม่สงบที่ปลายด้ามขวานว่า สาเหตุที่สงครามประชาชนยุติไม่ได้นั้น มีผู้ตั้งข้อสงสัยไว้ 2 ประการด้วยกัน

หนึ่งคือ “กองทัพค้าสงคราม” และอีกหนึ่งคือหน่วยงานในพื้นที่ “ค้ากำไร”

และวันนี้มีก็มีเรื่องประหลาดที่ปลายด้ามขวานมาบอกเล่ากับท่านผู้อ่าน เพื่อให้ช่วยกันพิจารณาว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการค้ากำไร และค้าสงครามของเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ปลายด้ามขวานหรือไม่

นั่นคือ นโยบายการปราบปรามน้ำมันเถื่อน ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ 6 ข้อ ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่นำเอาเรื่องการค้าน้ำมันเถื่อน และการค้ายาเสพติดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องของ “ภัยทับซ้อน” ที่เป็นปัญหาเสริมให้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความรุนแรง และซับซ้อนยิ่งขึ้น

โดย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้บอกกับสื่อมวลชนมาโดยตลอดว่า น้ำมันเถื่อน ยาเสพติด ทั้ง 2 ขบวนการส่งเงินสนับสนุนให้แก่ “แกนนำ” ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเพื่อใช้ในการก่อการร้าย เช่น การวางระเบิด วางเพลิง และฆ่าเจ้าหน้าที่-ประชาชนรายวัน

ครั้งแรกผมดีใจที่เห็น กอ.รมน. ให้ความสนใจและ “ใส่ใจ” ในเรื่องการค้าน้ำมันเถื่อน และยาเสพติด แต่วันนี้ ผมจะเขียนในประเด็นเรื่องน้ำมันเถื่อนก่อน ส่วนยาเสพติดจะเขียนถึงในวันหน้า

ที่บอกว่าดีใจในการที่ กอ.รมน.เข้ามาเป็น “เจ้าภาพ” ในการปราบปราม จับกุมน้ำมันเถื่อนเป็นเพราะว่า น้ำมันเถื่อนเป็นเรื่องการทำผิดกฎหมายที่ทำกันอย่างเป็นขบวนการ เป็นการทำลายเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชาติ เพราะน้ำมันเถื่อนที่นำเข้าประเทศ 1 ลิตร ทำให้ภาษีของชาติหายไป 8 บาท ถ้าวันหนึ่ง มีการนำเข้าน้ำมันเถื่อน 10 ล้านลิตร หมายถึงเงินภาษีหายไป 80 ล้านบาทต่อวัน

ส่วนเรื่องจะเอาเงินจากกำไรไปสนับสนุนการก่อการร้ายหรือไม่นั้น เป็นอีกประเด็นหนึ่ง และถ้าเป็นจริง โทษฐานของผู้ค้าน้ำมันเถื่อนยิ่งหนักหนาสาหัสชนิดต้องประหาร 7 ชั่วโคตร เพราะเป็นการทำลายชาติที่ไม่สมควรให้อภัย ไม่ว่าจะขึ้นศาลไหนของประเทศ

แต่ท่านผู้อ่านครับ ผมดีใจได้ไม่นานกับเรื่องการปราบปรามขบวนการผู้ค้านำมันเถื่อน เพราะจากวันที่ กอ.รมน.ประกาศให้การค้าน้ำมันเถื่อนเป็น “ภัยทับซ้อน” จนถึง ณ วันนี้ เวลากว่า 6 เดือน ผมรู้สึกว่า ผมและพี่น้องในสังคมถูกต้ม และนอกจากรู้สึกว่าถูกต้มแล้ว ผมยังรู้สึกว่า เจ้าหน้าที่รัฐกำลังร่วมกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน “ค้ากำไร” ร่วมกัน

เหตุผลที่จะบอกกับท่านผู้อ่านคือ วันนี้ น้ำมันเถื่อนที่ถูกขบวนการนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ทั้งที่ผ่านมาจาก อ.สุไหงโก-ลก อ.ตากใบ และ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ทั้งที่ผ่านมาจากชายแดนปาดังเบซาร์ ชายแดนบ้านสำนักขาม อ.สะเดา และจากชายทะเล จ.สงขลา และที่มาจาก อ.ควนโดน อ.เมือง จ.สตูล ยังไม่ได้หายไปไหน

กลางวันอาจจะดูไม่คึกคัก แต่กลางคืนรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนขนน้ำมันกันตลอดทั้งคืน ตลาดน้ำมันเถื่อนขยายกว้างไกลไปถึง จ.กระบี่, จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งในอดีตตลาดน้ำมันเถื่อนมีวงจรอยู่แค่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น

และสิ่งที่เห็นกันอยู่ใน จ.สงขลา สตูล และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ ทุกซอก ทุกตรอก ทุกซอย และทุกถนนหลวง เต็มไปด้วยปั๊มน้ำมันเถื่อน และปั๊มน้ำมันขวด น้ำมันแกลลอนเต็มไปหมด จนกลายเป็นสินค้าโอทอปของจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสิ่งที่น่าตกใจคือ ผู้คนจำนวนมากต่างหลั่งไหลมายึดอาชีพค้าน้ำมันเถื่อนด้วยการลงทุนดาวน์รถกระบะเพื่อใช้บรรทุกน้ำมันเถื่อนส่งขายให้ลูกค้า ส่วนคนเมือง คนในชุมชน ตั้งโต๊ะ ตั้งเต็นท์ และตั้งปั๊มหลอดขายน้ำมันเถื่อนเป็นอาชีพ ซึ่งเกิดขึ้นมากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมรู้สึกว่า กอ.รมน.ต้มผม ต้มคนในสังคมได้อย่างไร ในเมื่อ กอ.รมน.รับเป็น “เจ้าภาพ” ในการปราบปรามน้ำมันเถื่อนเพราะเป็นภัยทับซ้อน ที่ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการก่อการร้าย แต่ทำไมยิ่งอยู่น้ำมันเถื่อนจึงยิ่งมาก และมากกว่าตอนที่ กอ.รมน. ยังไม่ประกาศให้น้ำมันเถื่อนเป็นภัยทับซ้อนด้วยซ้ำไป

และที่ผมรู้สึกว่า ผมถูกต้มแน่ๆ คือ เมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา เกิดเหตุไฟไหม้โกดังน้ำมันในชุมชนทรายทอง เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นโกดังขนาดใหญ่ มีมูลค่านับล้านบาทขึ้น แต่โกดังเก็บน้ำมันแห่งนี้อยู่จากจากจุดตรวจของ ฉก. 32 เพียง 300 เมตรเท่านั้น โกดังน้ำมันเถื่อนอยู่ห่างจากจุดตรวจ 300 เมตร เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าหน้าที่ไม่รู้ไม่เห็น ทั้งที่มีการขนถ่ายน้ำมันกันทั้งกลางวันกลางคืน

หรือเจ้าหน้าที่ตรงจุดตรวจนั้นของ ฉก.32 เป็นผู้พิการทางหูและสายตา ถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะได้ยกประโยชน์ให้จำเลย

และที่ผมเห็นว่า กอ.รมน.กำลังค้ากำไร เนื่องจากเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา มีรถบรรทุกน้ำมันเถื่อน 4,000 ลิตร เกิดอุบัติเหตุที่ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง โดยคนขับให้การว่านำน้ำมันเถื่อนจาก จ.สตูล ไปส่งให้ปั๊มน้ำมันที่ อ.รัษฎา จ.ตรัง โดยน้ำมันดังกล่าวเป็นของ “เสธ.” ซึ่งแหล่งข่าวเปิดเผยว่า “เสธ.” คนดังกล่าวส่งออกน้ำมันเถื่อนคืนละ 20 เที่ยว

“เสธ.” นี่น่าจะมาจากคำว่า “เสนาธิการ” และน่าจะเป็นยศของทหาร ซึ่งเรื่องนี้ กอ.รมน.ต้องตอบให้ชัดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าหรือไม่

นี่ผมยังมีรวมรายการอื่นๆ เช่น น้ำมันเถื่อนจากชายแดนไทย-มาเลเซียที่ถูกบรรทุกผ่านด่าน อ.สะเดา จ.สงขลา วันละประมาณ 200 เที่ยว และน้ำมันเถื่อนที่ผ่านจากด่าน อ.สุไหงโก-ลก อ.ตากใบ อ.แว้ง ในแต่ละวันชนิด “อสงไขย” ( นับไม่ถ้วน) ล้วนแต่สามารถผ่านด่านตรวจ และผ่านตาของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มาได้อย่างไร โจทย์นี้ กอ.รมน.ภาค 4 ต้องตอบให้ประชาชนรับทราบ เพราะถ้าไม่ตอบให้ชัดเจน เท่ากับว่า เรื่องที่ประชาชนตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องการ “ค้าสงคราม” และการ “ค้ากำไร” จะเป็นเรื่องจริง และสร้างความเสียหายให้แก่ กอ.รมน.

ผมบอกตรงๆ ว่า ผมไม่เคยคาดหวังว่าศุลกากร สรรพสามิต ตำรวจ ซึ่งเป็นหน่วยงานตรงที่รับผิดชอบเรื่องการปราบปรามน้ำมันเถื่อนจะมี “น้ำยา” ในการปราบปรามจับกุม เพราะแหล่งข่าวจากขบวนการน้ำมันเถื่อนได้ดำเนินการ “ซื้อ” เจ้าหน้าที่เหล่านี้ไว้เป็นพวก มีการจ่าย “ส่วย” เพื่อให้เจ้าหน้าที่เปิด “ไฟเขียว” โดย “แหล่งข่าว” อ้างว่าน้ำมันเถื่อน 1 ลิตร กำไร 22 บาท หักเป็น “ส่วย” เจ้าหน้าที่รัฐ 8 บาท ที่เหลือเป็นกำไรอีก 12 บาท ซึ่งถือว่าเป็นกำไรที่มากที่สุดในบรรดาสินค้าหนีภาษีศุลกากร

โดยส่วนตัวผมเคารพในตัวของ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งเป็นคนดีมีความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้น และผมเห็นด้วยตั้งแต่วันแรกที่ท่านมีนโยบายให้ กอ.รมน.เป็นหน่วยงานปราบปรามจับกุมน้ำมันเถื่อน เพราะผมเห็นว่ากำลังทหารซึ่งมีระเบียบวินัย และไม่มีเรื่องอื้อฉาวในการทุจริตต่อหน้าที่เหมือนหน่วยงานอื่นๆ คงจะปราบปรามจับกุมน้ำมันเถื่อนที่เป็นขบวนการทำลายชาติ ทำลายเศรษฐกิจได้สำเร็จ

แต่เมื่อมาถึงวันนี้ ผมเห็นว่าผมถูกต้ม และผมเห็นว่าเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.มีการ “ค้ากำไร” จากการประกาศให้การค้าน้ำมันเถื่อนเป็นภัยทับซ้อนมากกว่าที่จะต้องการปราบปรามจับกุมขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนอย่างจริงจังและจริงใจ และผมเชื่อว่า ผมและ ประชาชนไม่ได้ถูกต้มเพียงอย่างเดียว แต่ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ท่านถูกลูกน้องของท่านต้มตุ๋น เช่นเดียวกับผมเหมือนกัน

และนี้คือเรื่องประหลาดที่ปลายด้ามขวาน ที่เกิดขึ้นกับการปราบปรามน้ำมันเถื่อน ที่เป็นภัยทับซ้อนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
กำลังโหลดความคิดเห็น