xs
xsm
sm
md
lg

ภัยพิบัติประชาชนลูกใหม่ “น้ำมันเถื่อน” เกลื่อนภาคใต้ตอนล่าง/ไชยยงค์ มณีพิลึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อุบัติเหตุรถขนน้ำมันเถื่อนชนรถพ่วงที่จอดอยู่บน ถ.กาญจนวนิช จ.สงขลา ทำให้บ้านเรือนเกิดเพลิงไหม้เสียหายหลายหลัง
คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
โดย..ไชยยงค์ มณีพิลึก

ท่านผู้อ่านครับ โบราณมีคำกล่าวว่า “ตีเหล็กต้องตีกำลังร้อน” ซึ่งขณะนี้บ้านเมืองของเรามีเรื่องร้อนๆ อยู่มากมาย เช่นถ้าเรื่องร้อนๆ ของ “เพื่อไทย” คือการแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องร้อนของ “ประชาธิปัตย์” คือเรื่อง “ว.5 ที่โฟร์ซีซั่น” เรื่องร้อนของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้คือเรื่องเงิน 7.5 ล้านที่เป็นเรื่อง “เยียวยา” ที่ไม่มีความเป็นธรรม และเรื่องสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่สร้างความ “ทุกข์ใจ” ให้กับพี่น้องประชาชนมายาวนานถึง 8 ปี

แต่เรื่องร้อนๆ ที่ผมอยากจะนำมาบอกเล่ากันในวันนี้ เป็นเรื่องของภัยพิบัติของประชาชน ที่เกิดจากขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ของขบวนการทำลายเศรษฐกิจของชาติในภาคใต้ เป็นภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ที่ส่วนหนึ่งไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนเหล่านี้

ถ้าท่านผู้อ่าน ติดตามข่าวสารบ้านเมืองมาโดยตลอด คงจะจำกันได้ว่า เมื่อหลายวันที่ผ่านมา มีข่าวรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนจากประเทศมาเลเซีย วิ่งด้วยความเร็วสูงเฉี่ยวชนกับรถบรรทุก 18 ล้อ ที่ถนนกาญจนวนิช บ้านด่านนอก ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้น และไฟได้ไหม้บ้านเรือนประชาชน 8 หลัง รถยนต์ จักรยานยนต์ สายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ เสียหายไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์รถบรรทุกน้ำมันเถื่อน ซึ่งเป็นรถกระบะดัดแปลง มีถังน้ำมันซุกซ่อนอยู่ในตัวรถ รวมทั้งมีแท็งค์บรรทุกน้ำมันบนกระบะรวมแล้วคันละ 3,000 ลิตร เกิดขึ้นชนกับรถบรรทุก ระเบิดย่างสดคนขับและสร้างความสูญเสียให้กับทรัพย์สินของประชาชนเกิดขึ้นมาโดตลอด ทั้งใน จ.สงขลา,สตูล, นราธิวาส, ตรัง และกระบี่ ซึ่งเป็นเส้นทางของการบรรทุกน้ำมันเถื่อน

และนอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ที่ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ถ่ายน้ำมันจากแท็งค์ในตัวรถกระบะลงในแท็งค์เป็นโกดัง ซึ่งมีนับร้อยแห่งในชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้าน อ.สะเดา จ.สงขลา ด้าน อ.ควนโดน จ.สตูล ที่เป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้ สร้างความสูญเสียให้กับบ้านเรือนของประชาชน ที่อยู่ในบริเวณนั้น เสียหายหลายต่อหลายครั้งในแต่ละเดือน

ท่านผู้อ่านคงไม่ทราบว่า ณ วันนี้มีรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนที่วิ่งอยู่บนถนนสายต่างๆ ตั้งแต่ จ.นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา, สงขลา, สตูล, พัทลุง, ตรัง และกระบี่ ไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 คัน ซึ่งหมายถึงว่า เราปล่อยให้มีระเบิดเวลาเพ่นพ่านอยู่บนถนนสายหลักใน 7-8 จังหวัด ที่พร้อม ที่จะระเบิดในทันทีที่เกิดเหตุเฉี่ยวชนกัน

และทุกครั้งที่เกิดเหตุเฉี่ยวชน หรือขนถ่ายน้ำมันจะต้องเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น เพราะต้องมีคนเจ็บ คนตาย และทรัพย์สินเสียหาย ซึ่งหลายครั้งหาผู้ชดใช้ไม่ได้ เพราะรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนเหล่านี้ไม่มีประกันภัย และหลายครั้งคนขับเสียชีวิต

ถามว่ารัฐ หรือหน่วยงานของรัฐทั้งส่วนกลาง และในพื้นที่จะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะขณะนี้ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ระหว่างประเทศ เติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง

ขบวนการน้ำมันเถื่อนวันนี้ ไม่ใช่เรื่องของการทำมาหากินของคนในพื้นที่ชายขอบบริเวณแนวชายแดน อย่างที่รัฐและหน่วยงานในพื้นที่พยายามที่จะเบี่ยงเบนประเด็นเพื่อให้เห็นว่า การค้าน้ำมันเถื่อนเป็นวิถีชีวิตของคนในแนวชายแดน

แต่ข้อเท็จจริงขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนวันนี้ ทั้งทางบก ทางทะเล เป็นขบวนการนายทุน นักการเมือง โดยมีการสร้างเครือข่ายนำเอาประชาชนเข้ามาสู่ขบวนการ โดยมีกลุ่มทุน การเมือง เป็นผู้สนับสนุน ส่วนคนในแนวชายแดนนั้น มีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่มีวิถีชีวิตทำมาหากินกับการค้าน้ำมันเถื่อน และเป็นการค้าเล็กๆ ที่นำน้ำมันเถื่อนมาขายปลีกรายละ 200-300 ลิตรต่อวันต่อรายเท่านั้น

ส่วนที่เป็นรายใหญ่ที่บรรทุกกันทางเรือ ทางรถดัดแปลง เป็นของเครือข่ายกลุ่มทุน การเมืองแทบทั้งสิ้น และขณะนี้กลุ่มทุนจากต่างถิ่น ทั้งชลบุรี ลพบุรี ต่างเข้ามาค้าน้ำมันเถื่อนด้านอ่าวไทย โดยเฉพาะชายทะเล สงขลา และนราธิวาสมากขึ้น

วันนี้ผมคงจะไม่พูดไม่เขียนถึง “ส่วย” ลิตรละ 8 บาท ที่ขบวนการได้จัดสรรให้กับหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ เช่น ศุลกากร สรรพสามิต ตำรวจ และอื่นๆ เพื่อให้เปิด “ไฟเขียว”ในการขนถ่าย แต่ผมอยากให้หน่วยงานของรัฐเห็นถึงความสูญเสีย ที่เกิดจากอุบัติภัยของการขนน้ำมันเถื่อนบนท้องถนนใน 8 จังหวัด ที่ผมกล่าวมาข้างต้นว่า ท่านจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร

เพราะจำนวนรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนเพิ่มขึ้นทุกวัน และยิ่งราคาน้ำมันระหว่างมาเลเซียกับไทยถ่างออกไป เพราะการเก็บภาษีและกองทุนน้ำมันของไทย ยิ่งทำให้มีผู้คนหลั่งไหลเข้าไปยึดอาชีพค้า ค้าน้ำมันเถื่อนมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นอาชีพที่มีรายได้มากที่สุดในขบวนการของเถื่อน ยกเว้นการค้ายาเสพติด และที่เป็นเหตุจูงใจให้คนเข้าสู่ขบวนการมากเป็นเพราะเจ้าหน้าที่พร้อมที่จะรับเงิน “ใต้โต๊ะ”

ผมไล่ดูนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดใหม่ๆของแต่ละจังหวัด ในพื้นที่เป็น “ต้นทาง” ของการค้าน้ำมันเถื่อน เช่น จ.สงขลา, สตูล, นราธิวาส เห็นแต่นโยบายการปราบยาเสพติด คนเถื่อน (ค้ามนุษย์) และไม้เถื่อน (ทำลายป่า) แต่นโยบายในการปราบปรามน้ำมันเถื่อนไม่มีการพูดถึง ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องความมั่นคง เป็นอาชากรรมทางเศรษฐกิจ และขณะนี้เป็นต้นเหตุของภัยพิบัติ ที่มีผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการ

ผมขอฝากเรื่องนี้ถึงนายกฤษฏา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, นายพิศาล ทองเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และนายอภินันท์ ซื่อธานุวงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็น “ต้นทาง” ของน้ำมันเถื่อน เพื่อหาแนวทางหยุดปฏิบัติการ “ระเบิดเวลา” บนท้องถนน ก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรม มากกว่าที่เป็นอยู่
กำลังโหลดความคิดเห็น