xs
xsm
sm
md
lg

ระวังภาวะ “แทรกซ้อน” ไฟใต้ / ไชยยงค์ มณีพิลึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
โดย..ไชยยงค์ มณีพิลึก

ผมเริ่มเป็นนักข่าวในสนามข่าวของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ปี 2517 กล่าวคือ พอเรียนจบ มศ.3 ถอดกางเกงขาสั้นทิ้งก็ใส่กางเกงขายาวกระโจนเข้าสู่สนามข่าวในทันที เนื่องจากก่อนหน้าที่ยังเรียนหนังสืออยู่นั้น ผมก็เป็นนักเขียน นักข่าว เป็นอาชีพเสริมอยู่ก่อนแล้ว

การเป็น “นักข่าว” นักหนังสือพิมพ์ในสนามข่าวมาตั้งแต่ปี 2517 ผมจึงผ่านการรู้จักกับแม่ทัพนายกอง ผู้บัญชาการตำรวจ ทหาร และใครต่อใครเป็นจำนวนหลายคน และหลายคนต่างได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว ในขณะที่ผม ณ วันนี้ยังคงทำหน้าที่นักข่าว นัเขียน นักหนังสือพิมพ์อยู่เช่นเดิม

และในบรรดา “แม่ทัพ” หลายต่อหลายคนนั้น มีแม่ทัพในยุคก่อนเหตุการณ์ความไม่สงบปี 2547 ที่ผมค่อนข้างใกล้ชิด คือ พล.อ.หาญ ลีนานนท์ และ พล.อ.กิตติ รัตนฉายา ซึ่งผมเคยผ่านสมรภูมิข่าวในสมัยการปราบปราม ผกค. หรือพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และการปราบปราม จคม. หรือโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา จนปัญหาของ ผกค.และ จคม.ยุติลง ซึ่งนอกจากด้วยนโยบายของรัฐบาลแล้ว ส่วนหนึ่งมาจาก “ฝีมือ” ของแม่ทัพทั้ง 2 ท่านด้วย

ส่วนแม่ทัพในยุคสมัยการก่อความไม่สงบครั้งใหม่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ต้นปี 2547 เป็นต้นมานั้น มีแม่ทัพที่หมุนเวียนเข้ามารับผิดชอบในการแก้ปัญหาเพื่อดับ “ไฟใต้” หลายต่อหลายคน แต่ที่ผมค่อนข้างสนิทชิดเชื้อ ทำงานด้วยกัน ประชุมร่วมกัน และบางครั้งลงพื้นที่ด้วยกัน มีเพียง 2 ท่าน คือ พล.อ.พิเชษฐ วิสัยจร อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 คนปัจจุบัน
พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภาค 4 ส่วนหน้า
ซึ่งผมเองยังยืนยันว่า ภายในการบริหารจัดการดับ “ไฟใต้” ของอดีตแม่ทัพ “พิเชษฐ์” และแม่ทัพ “อุดมชัย” ที่ผ่านมานั้น ยังไม่สามารถที่จะทำให้มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เกิดขึ้น ทั้งที่ “ยุทธศาสตร์” ที่นำมาใช้เป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องชัดเจน ไม่มีข้อสงสัย แต่ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งอยู่ที่ “ยุทธวิธี” ที่ไม่ครอบคลุม หย่อนยาน ขาดๆ เกินๆ จนเกิดความสูญเสียทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน

โดยจุดบอดของยุทธวิธีหรือปฏิบัติการที่ค่อนข้างขาดประสิทธิภาพ มาจากการที่กำลังทั้งหมดใน จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส เป็นทหารจากกองทัพภาค 1-2 และ 3 ที่ใช้ระบบหมุนเวียนเข้ามาปฏิบัติการ โดยยึดหลัก “สนธิกำลังพล” มากกว่าความรู้ ความเข้าใจ และความสามารถของการปฏิบัติหน้าที่ กำลังพลจึงอยู่ในลักษณะ “ตั้งรับ” มากกว่าการปฏิบัติการ “เชิงรุก” จนเกิดความ “สูญเสีย” บ่อยครั้ง ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ “กองทัพ” และ “คนใน” ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าต่างรู้ดีแต่ ไม่มีการแก้ไข

โดยความเชื่อส่วนตัว ผมเชื่อในศักยภาพของ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เพราะผมเห็นถึงความตั้งใจ เห็นถึงความทุ่มเทในการแก้ปัญหาทุกปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ว่าโดยบุคลิก พล.ท.อุดมชัยอาจจะไม่ “ติดดิน” เหมือนอดีตแม่ทัพ “พิเชษฐ” ก็จริง แต่แม่ทัพ “อุดมชัย” มีจุดเด่นกว่าแม่ทัพท่านอื่นๆ ตรงที่เน้นการทำงานแบบไม่เป็นข่าว และเน้นหนักในเรื่องไม่ละเมิด “สิทธิมนุษย์ชน” และพร้อมที่จะขับเคลื่อนงานด้าน “ยุติธรรม” อย่างจริงจัง

ระยะเวลา 1 ปีกว่าที่รับหน้าที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าของแม่ทัพ “อุดมชัย” มีเหตุการณ์ “อุ้มฆ่า” เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดเพียง 2 ราย และทั้ง 2 รายจากการตรวจสอบพบว่าเป็นการลงมือ ของหน่วยงาน “ส่วนกลาง” ที่ถูกส่งมาในพื้นที่ ส่วนการ “อุ้มฆ่า” หรือจับตัวแล้วหายสาบสูญอย่างที่เคยเกิดขึ้นมากมายในอดีต ไม่มีเกิดขึ้นแต่อย่างใด

นอกจากนั้น ในยุคของแม่ทัพ “อุดมชัย” มีนโยบายหนึ่งที่ผมเคยเขียนถึง ตลอดเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมาได้มีการ ขานรับและปฏิบัติอย่างจริงจังคือ การแก้ปัญหาภัย “แทรกซ้อน” ที่เกิดขึ้นและเติบโตควบคู่กับภัยการก่อความไม่สงบ นั่นคือเรื่องของขบวนการค้ายาเสพติด และการค้าน้ำมันเถื่อน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนที่ “เม็ดเงิน” ส่วนหนึ่งถูก “ลงขัน” ให้กับขบวนการแบ่งแยกดินแดนเพื่อใช้ต่อสู้กับอำนาจรัฐ และบางครั้งขบวนการค้ายาเสพติด น้ำมันเถื่อนและธุรกิจเถื่อนอื่นๆ ก็ยัง “ว่าจ้าง” กลุ่ม “แนวร่วม” ก่อเหตุร้าย เพื่อดึงกำลังของเจ้าหน้าที่ไปให้ความสนใจในพื้นที่อื่นๆ เพื่อง่ายในการเคลื่อนย้าย ลำเลียงของผิดกฎหมาย

ผมเขียนถึงภัย “แทรกซ้อน” มานานถึง 4-5 ปี จากปัญหาภัย “แทรกซ้อน” เป็นปัญหาเล็กๆ จนขณะนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่มหึมา และกลายเป็นว่า “ผลประโยชน์” จากขบวนการ “อิทธิพล” ได้ถูกส่งผ่านไปสู่ “กระเป๋า” ของเจ้าหน้าที่เกือบทุกระดับ ทั้งตำรวจ ปกครอง สรรพสามิต ศุลกากร และอื่นๆ จนยากที่จะ “ขุดรากถอนโคน” อย่างรวดเร็ว

แต่ผมก็ยังดีใจที่ในที่สุดแม่ทัพ “อุดมชัย” ก็นำเอาปัญหาภัย “แทรกซ้อน” เข้ามาเป็น 1 ใน 6 ยุทธศาสตร์รองที่เป็นนโยบายดับ “ไฟใต้” ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งมี “ยุทธศาสตร์” หลักคือการ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์ “พระราชทาน” แม้ว่าปัญหาของภัย “แทรกซ้อน” จะช้ามาก แต่ก็ยังไม่ช้าเกิน ที่จะเข้ามา “จัดการ” โดย กอ.รมน.

เหตุผลที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าต้องเข้ามาดำเนินการด้วยตนเองนั้น เนื่องจากที่ผ่านมา ซึ่งผมได้นำเสนอ ได้เปิดโปงขบวนการค้ายาเสพติด ค้าน้ำมันเถื่อนข้ามชาติ การค้ามนุษย์และกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น “นักการเมือง” ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่นสร้างอิทธิพลเพื่อหวังผลประโยชน์ในพื้นที่ แต่หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง เช่น ตำรวจ ปกครอง สรรพสามิต ศุลกากร กลับไม่เคย “กระดิกหู” ไม่เคยถอด “แว่นดำ” เพื่อให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งที่เป็นความสูญเสียของประเทศชาติ

เหตุผลที่หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงไม่ “กระดิกหู” น่าจะมาจากหน่วยงานในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่รัฐระดับปฏิบัติการในพื้นที่ต่างได้รับ “ประโยชน์” จากการทำธุรกิจผิดกฎหมาย โดยมักจะอ้างว่าที่ไม่สามารถ ป้องกัน ปราบปราบหรือจับกุมขบวนการผู้ทำผิดกฎหมาย เป็นเพราะเป็นขบวนการ “อิทธิพล” ซึ่งจริงๆ แล้วน่าจะเป็น “ข้ออ้าง” เพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์ของหมู่คณะมากกว่า

ผมจึงดีใจที่เห็นแม่ทัพ “อุดมชัย” ส่งกำลังของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ลงพื้นที่ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด จับกุมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดและขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนข้ามชาติในระยะ 2 เดือนที่ผ่านมาได้ผล ได้ผู้ต้องหา ได้ของกลางเป็นจำนวนมาก มีการยึดทรัพย์เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเข้าปิดล้อมหมู่บ้านแนวชายแดนที่ ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ซึ่งเป็นแหล่งเก็บกักน้ำมันเถื่อนขนาดใหญ่ที่สุดของนายทุน นักการเมือง ที่ไม่เคยเห็น “กฎหมาย” ในสายตา การที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าดำเนินการแก้ปัญหาภัย “แทรกซ้อน” อย่างจริงจัง จึงเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาความไม่สงบที่ถูกต้อง ถึงแม้จะช้าไปบ้าง แต่ดีกว่าที่จะไม่ทำอะไรเลย

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง และกำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งผมคงบอกให้แม่ทัพ “อุดมชัย” ได้รับรู้คือ ขณะนี้ “แกนนำ” ของขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนและยาเสพติดมีการเคลื่อนไหวเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งในรูปแบบการก่อการร้ายในพื้นที่ “อ่อนแอ” เพื่อให้ กอ.รมน.ยุติการจับกุม ตรวจค้นยาเสพติดและน้ำมันเถื่อน
การค้าน้ำมันเถื่อนข้ามชาติยังคงเป็นปัญหาแทรกซึมในชายแดนใต้ ซึ่งคอยหนุนการก่อเหตุความไม่สงบ
และอาวุธอีกแบบหนึ่งของการตอบโต้ของขบวนการเถื่อนๆ เช่น ขบวนการน้ำมันเถื่อนคือการส่ง “นายหน้า” ติดต่อจ่ายเงินให้กับชุดปฏิบัติการในแต่ละพื้นที่ โดยล่าสุดมี “นายหน้า” ยื่นเงือนไขจ่ายเงินให้ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ 5,000 บาทต่อคันต่อเดือน โดยพร้อมที่จะ “จัดหา” ของกลางรายเล็กให้จับเป็นผลงานพอเป็น “กระสายยา” หรือให้เป็นผลงาน และปล่อยให้รายใหญ่ผ่านได้สะดวก

ความรักทำให้คนตาบอด เช่นเดียวกับ “ความโลภ” ก็ทำให้คนยอมทำผิด เงินทองเป็นของบาดใจ ผมจึงค่อนข้างเป็นห่วงกับข่าวที่ได้รับ ห่วงว่านโยบายปราบปรามภัย “แทรกซ้อน” ของแม่ทัพ “อุดมชัย” จะล้มเหลว เพราะ “สินบน” จำนวนมหาศาลที่ขบวนการทำลายชาตินำมาล่อใจเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ

จึงบอกให้รู้เอาไว้ เพื่อจะได้หาทางป้องกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น