xs
xsm
sm
md
lg

“ป่าแม่วงก์ ในความทรงจำ” (3)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ตอนที่ 3/3

ช่องเย็นเป็นสถานที่ลือชื่อในการเฝ้าดูนกเงือกคอแดง เรียกว่าเจ๋งสุดในบ้านเราได้แน่ แม้ว่าคอแดงอาจพบในป่าตะวันตกแถวอื่น แต่มีน้อยมากแถมอยู่กลางป่าลึก โอกาสที่คนอย่างเราท่านพบเห็นเป็นศูนย์ แต่ช่องเย็นเป็นจุดที่นักเที่ยวทั่วไปสามารถมาได้ มีรายงานการพบนกเงือกคอแดงสองตัว บางหนอาจเป็นสามตัวถ้าอยู่ในช่วงเลี้ยงลูกที่มีขนาดใหญ่พอติดตามพ่อแม่ไปกินอาหารได้ เป้าหมายของคอแดงคือต้นไม้ที่มีลูกสุกเกือบตลอดเวลา บังเอิญต้นไม้ที่ว่าขึ้นอยู่เลยหน้าผาชมวิวของช่องเย็นไปนิดเดียว

ใครมาที่นี่เลยมีโอกาสเจอคอแดงสูงเชียวล่ะ นั่นคือเหตุผลประการแรก อีกอย่างหรือครับ นกเงือกคอแดงตัวใหญ่มาก นกเงือกอื่นมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกันมีน้อย ต้องเป็นระดับนกกาฮังทำนองนั้น แต่รูปร่างและนิสัยของนกทั้งสองต่างกัน นายกั๊กเป็นประเภทโคตรเซียนดูนกมาแล้วเฉียด 700 ชนิด แค่นี้จะไม่รู้เชียวหรือ? ยิ่งใจอยากเห็นคอแดง ตัวอะไรกระพือปีกได้ขนาดใกล้เคียงนกเงือกคอแดง ไงๆ ก็ต้องเดาว่าคอแดงไว้ก่อน

ผมเป็นคนโชคดี เขียนหนังสือก็มีคุณๆ กรุณาตามอ่าน อย่างหนนี้ผมกำลังยืนยิ้มกลางสนามหญ้า ร้อยวันพันปีไม่เคยยืนยิ้มแบบมีกล้องส่องทางไกลห้อยคอ ก็บังเอิญหนนี้ดันมีเพราะอยากทำเท่ว่าตูข้าคือเซียนดูนก เมื่อผมเห็นเป้าหมาย กล้องถูกยกขึ้น ฮ่า...ไม่เห็นอะไรเลยวุ้ย สายหมอกบังไว้จนเห็นแค่เงาดำ ไม่มีหนอกบนหัว เพราะงั้นไม่ใช่นกกาฮังแน่

และแล้ว...ดุจฟ้าปราณี สายหมอกจางหายไปหนึ่งวูบ สิ่งที่ผมเห็นคือนกขนาดใหญ่ ตัวสีดำสนิท ส่วนคอถึงส่วนหัวสีแสด มีเหนียงตรงคอสีแดง รอบตาสีฟ้า ปากสีเหลืองมีบั้งเป็นร่องๆ อยู่ที่จะงอยปากด้านบน ก่อนมาผมดูรูปเจ้าคอแดงไม่รู้กี่สิบครั้ง ดูไปฝันไปว่าเราจะได้เจอบ้าง ครั้งนี้...ได้เจอแล้วครับ

ติ๊ก...ติ๊ก เข็มวินาทีกระดิกสองหน หมอกลอยมาขวางกั้น ภาพนกตรงหน้าหายกลายเป็นเงาดำเหมือนเดิม หวือๆๆ นกทั้งคู่กระพือปีกบินร่อนหายไปในสายหมอก ตั้งแต่เขาและเธอลงเกาะจนถึงบินไป ใช้เวลารวมไม่เกินสิบห้าวินาที เร็วชนิดที่พี่เล็กผู้วิ่งหน้าตั้งมาคว้ากล้องไม่ทัน แต่เห็นด้วยตาก็ถือว่าเห็น แม้จะไม่ได้ดูแบบใกล้ชิด มาถึงช่องเย็นไม่ถึงสิบนาทีได้เห็นนกเงือกคอแดง สุขครับ...สุขมาก ยิ่งสุขใหญ่เมื่อคิดว่าจะได้ทับถมนายตี๋นักดูนก ผู้ยังมาไม่ถึงพร้อมคณะลูกทัวร์

เพียงไม่นาน รถตู้คันใหญ่โผล่ขึ้นมาจากสายหมอก ชาวคณะตามมาถึงแล้ว ตี๋โผล่หน้ามา ตี๋เขินตี๋อาย ตี๋ไม่เคยได้เห็นคอแดง เพราะเกิดมาไม่เคยมาช่องเย็น ตี๋จึงเจ็บแค้นใจ (เหตุผลที่ตี๋ไม่เคยมาทั้งที่เป็นนักดูนกตัวกลั่น ที่นี่โบกรถลำบาก ไม่ค่อยมีรถให้โบก เลยมาทีไรไม่เคยถึงสักที ได้แต่เดินย่ำต๊อกรอรถผ่านอยู่ข้างล่าง รอเท่าไหร่ก็ผิดหวังเหมือนรอรัก ใครที่คิดว่าการดูนกไม่เกี่ยวกับเงินทอง ใช่ครับ...ถ้าเป็นนกกระจิบนกกระจอก แต่ถ้าเป็นราชานก คนจนไม่มีรถย่อมอาภัพจ้ะ)

อากาศปิด มีเมฆอยู่ทั่วไป ไม่ใช่อยู่เพียงบนฟ้า แต่เมฆก้อนหนึ่งเพิ่งลอยเข้าไปในข้าวกล่องของผมที่ซื้อติดมาจากร้านสวัสดิการข้างล่าง เมฆอีกก้อนลอยเข้าไปในถุงน้ำปลา กรุณาอย่าคิดว่าเว่อร์จนกว่าคุณจะได้ไปช่องเย็นยามหน้าฝน เพราะคุณสามารถกินข้าวโดยไม่ต้องมีแก้วน้ำ แค่อ้าปากให้กว้าง สักเดี๋ยวเมฆก็จะลอยเข้าไป ไอน้ำบริสุทธิ์กลั่นตัวไหลโกร๊กลงมาตามไรฟัน สะอาดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

ผมกินข้าวแกล้มเมฆไปเรื่อยๆ สายตาจับจ้องแมลงประหลาดบินไปเกาะหน้านายตี๋ หน้าตาคล้ายแมลงหวี่แฮะ ฮูย...เกาะแล้วดูดเลือดด้วยเนี่ย เห็นเลยว่าตัวพองเป่งขึ้น ดูดนานตั้งนาทีแล้วยังไม่ยอมปล่อย เอ้า...ปล่อยแล้วล่ะ เห็นหยดเลือดเล็กๆ โผล่มาจากบาดแผล เมื่อถึงตอนนั้นผมค่อยบอกตี๋ว่าคุ่นกัด ตี๋เอามือปาดหน้าหัวเราะร่าใช่ที่ไหนครับ นี่มันขี้แมลงวันของผมต่างหาก สามสัปดาห์หลังจากนั้น ผมแอบเห็นตี๋เกาหน้าแกรกๆๆ อยู่หน้าห้องน้ำหญิง ขี้แมลงวันคันได้แปลกดีนะ

กินข้าวเสร็จ โดนคุ่นเจาะเลือดเสร็จ ถึงเวลาเดินดูนก ป่ารอบด้านของช่องเย็นมีนกมากหลาย แต่ละตัวไม่ค่อยได้เห็นง่ายๆ เช่น หัวขวาน แถมยังเชื่องเจาะไม้โป๊กๆ ให้เราชมตั้งนาน แต่อย่างว่า เรื่องนี้ไม่ใช่สารคดีดูนก ผมจะไม่ลงรายชื่อนกโน้นนี้นั้น เพราะมันไม่สมศักดิ์ศรีของนักเขียน เป้าหมายของเราต้องเป็นนกเงือก เมื่อกี้เจอนกเงือกคอแดงไปแล้ว คราวนี้มาดูนกเงือกกรามช้างบ้าง

เราเดินอยู่บนถนนครับ ก่อนชาวคณะรายหนึ่งจะหยุดยืนแล้วชี้โบ๊ชี้เบ๊ขึ้นไปบนอากาศ เจ้าเงาดำที่ร่อนอยู่เป็นฝูงคือนกเงือกกรามช้าง ไม่ได้มีแค่หนึ่ง แต่มาเป็นฝูง แถมยังไม่มีแค่ฝูงเดียว แต่มาหลายฝูง ตั้งแต่ไปยันกลับ ผมนับนกเงือกกรามช้างได้ 32 ตัว มีอยู่หนหนึ่งทั้งฝูงร่อนลงเกาะต้นไม้ ส่องกล้องเห็นชัดเจนจนอยากกรี๊ด แม้นกเงือกกรามช้างหาไม่ยาก ไปแค่เขาใหญ่ก็มีสิทธิเจอ แต่กรามช้างเป็นฝูงหาดูไม่ง่าย ที่เห็นแบบสะดวกสบายทัวร์ คงต้องล่องใต้ไปถึงบาลาจึงจะมีสิทธิเห็นกรามช้างเยอะขนาดนี้

หนึ่งวันผ่านไป ค่ำคืนเข้ามาเยือน พายุพุ่งทะลวงผ่านช่องเย็น ทั้งเมฆทั้งฝนมืดไปหมด เปิดประตูห้องปุ๊บเมฆลอยเข้ามาในห้อง ยิ่งกลางคืนที่ช่องเย็นไม่มีไฟฟ้า เราต้องจุดตะเกียง บรรยากาศยิ่งสุดยอด ชาวคณะรวมกลุ่มกันในห้องพักสร้างไออุ่น ห้องที่นี่ทำไว้ใช้ได้ครับ มีเตียงนอนเรียงกัน ด้านหลังเป็นห้องครัวใช้ประกอบอาหาร แต่คุณต้องนำอุปกรณ์ทุกอย่างรวมทั้งเตาไฟมาเอง เขามีบริการเพียงก๊อกน้ำ ห้องน้ำอยู่ด้านหลังแยกชายหญิง ใช้รวมกันสองห้องนอนต่อห้องน้ำหนึ่งชุด

คืนนั้นที่ช่องเย็นผมขดตัวอยู่ในถุงนอนหลับสบายมาก มีเพียงหนเดียวที่ตื่นมากลางดึกหนหนึ่งรู้สึกฝ่ออยู่นาน ก่อนนอนดันเล่าเรื่องผีตากลวง ยิ่งที่ช่องเย็นมืดตึ๊ดตื๋อ ต้องเดินไปเข้าห้องน้ำข้างนอก ใครชอบดีฝ่อไม่ควรพลาดโอกาสมาเข้าห้องน้ำที่ช่องเย็นกลางดึก ตื่นเช้ามาฝนจากไปแล้ว ฟ้าแม้ไม่สดใสแต่ถือว่าใช้ได้ เสียงนกร้องลั่นป่า ผมคว้ากล้องส่องทางไกลเดินออกมา ไม่ยอมล้างหน้าแปรงฟันหรือแม้กระทั่งคิดเปลี่ยนชุด เนื่องจากมาดูนกไม่ใช่ไปเดทกับน้องนก ความหอมของร่างกายไม่จำเป็น

พี่เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่านกเงือกคอแดงมักมาตอนเช้ากับตอนเย็น ผมเดินออกไปที่สนาม มุ่งหน้าไปจุดชมวิวเพื่อส่องต้นไม้ของนกเงือก ปัญหาคือต้นไม้นี้ถูกต้นไม้อื่นบังไว้ ส่องลอดช่องไปเห็นนิดเดียว มองดูแล้วไม่เจอนกเงือก เลยเดินลัดเลาะไปตามขอบผา กำลังจะลงไปตามทางเพื่อดูนกในป่า ผมได้ยินเสียงบ๊อกๆๆ

เรื่องเสียงนี่ว่ากันลำบาก หูคนฟังเสียงไม่เหมือนกัน บางคนได้ยินคำหวานกลับกลายเป็นคำขม ผมเลยบอกคุณไม่ได้ว่าเสียงที่ได้ยินดังยังไง แต่บอกได้ว่าเคยได้ยินเสียงทำนองนี้ แม้จะไม่เหมือนเปี๊ยบ เสียงที่ผมเคยได้ยินเกิดขึ้นที่ป่าบาลา สมัยไปเฝ้าดูนกเงือก หนนี้ได้ยินแว่วมาจากหน้าผา แปลว่าน่าจะมีนกเงือก ผมเลยเดินย้อนกลับไปที่จุดชมวิว ยืนส่องกล้องแถวนั้น นายตี๋เดินมาเยาะเย้ยว่ารอนกเงือกหรือครับ?

ผมบอกตี๋ว่าได้ยินเสียง ตี๋ก็ไม่ยอมเชื่อ จนเมื่อต้นไม้สั่นไหว ผมมองเห็นนกตัวใหญ่สีดำหางขาวชัดแจ๋ว บินผ่านกิ่งไม้ที่จับตาอยู่แวบหนึ่ง ตี๋ไม่เชื่อก็เรื่องของตี๋ ผมแน่ใจแล้วว่าตรงนั้นมีนกเงือก กล้องในมือถูกยกขึ้นพร้อมๆ กับนกตัวใหญ่สองตัวบินออกมาจากต้นไม้ เมื่อวานเห็นชัดแค่ไหน วันนี้คูณด้วยร้อย นกเงือกทั้งคู่คือนายและนางคอแดงคู่เก่า ใหญ่มากสีสวยมาก ประสบการณ์ครั้งนั้นสุดบรรยาย น่าเสียดายที่มีผม ตี๋ และพี่เล็กเห็นกันอยู่สามคน ส่วนคนอื่นยังไม่ได้เดินออกมาจากห้องพัก เพราะยังเช้าอยู่มากหรือไม่ก็เพราะบุญไม่ถึง ฮ่าๆๆ

ตลอดทั้งวันจนถึงยามบ่าย พวกเราเฝ้าดูนกอื่น แม้ไม่ได้เห็นนกเงือกคอแดงอีกเลย แต่นกที่พบทั้งหมด 53 ชนิดล้วนติดตาติดใจ จะสวยงามแค่ไหนต้องเชิญให้คุณๆ ไปชมเอง

บทสรุปของช่องเย็น อย่าถามว่าผมจะกลับไปอีกไหม ต้องเปลี่ยนเป็นจะกลับไปเมื่อไหร่? เพราะผมติดอกติดใจที่นั่นมาก ชอบกว่าแก่งกระจานหลายเท่า อาจเป็นเพราะผมโชคดีไปตอนที่ไม่มีคนอื่น เลยมีโอกาสชื่นชมธรรมชาติสมใจอยาก ลองถามพี่เจ้าหน้าที่ เค้าบอกว่าถ้าเป็นหน้าหนาวในช่วงเทศกาล สนามหญ้าไม่พอกางเต็นท์ ต้องลงไปกางข้างล่างแน่ะ

หากคุณๆ สนใจไปช่องเย็น ผมสรุปให้อีกครั้ง ที่นี่บรรยากาศแจ่มมาก แต่เที่ยวตอนหน้าฝนควรโทรไปถามสภาพอากาศด้วย เมื่อถามแล้วควรติดต่อบ้านพักจากกรมป่าไม้ให้เรียบร้อย การกางเต็นท์ช่วงหน้าฝนอาจไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากฝนตกกลางคืนเกือบทุกคืน และไม่ใช่ตกเบาๆ แต่เป็นระดับลมพัดหวีดหวิว เช็คพาหนะสักนิด ถ้าเป็นรถเก๋งผมไม่แนะนำ รถกระบะสะดวกกว่า (รถตู้ที่มากับคณะ คนขับสั่นพั่บๆๆ ตลอดทาง ผมถึงไม่นั่งไงครับ) เตรียมอุปกรณ์มาทำอาหารทุกอย่าง เตรียมไฟฉายเสื้อหนาว อากาศประมาณ 10-15 องศากำลังดี ถ้ามาในช่วงหน้าหนาว หลีกหนีช่วงเทศกาล อย่าพยายามมาเป็นเด็ดขาด ควรเลือกมาวันธรรมดา ลางานสักสองวันสุขกายสบายใจกว่าเยอะ

คนที่ชอบเที่ยวโน่นนี่ ไม่สนใจการดูนกหรือดูป่า ทำใจไว้นิด ช่องเย็นไม่มีถ้ำ มีน้ำตกแต่อยู่ไกลมากและไม่ได้สวยเลิศเลอ แต่ถ้าอยากมานอนอยู่ในบรรยากาศป่าที่ผิดจากป่าไทยทั้งหลาย ได้เห็นนกเงือกก็ดี ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร นอนบ้างเดินเล่นบ้างแค่นั้นก็พอแล้ว ช่องเย็นเหมาะกับคุณครับ

...

ว่าแต่...อีกไม่นาน จะมีอะไรเหลือที่ช่องเย็น
เขื่อนแม่วงก์กำลังจะถูกสร้าง ป่านับหมื่นไร่จะหายไป
นกกี่ตัว สัตว์กี่ตัว
เคราะห์ดีที่ผมเคยไปช่องเย็น เคยเห็นแม่วงก์
เคราะห์ร้ายที่ผมยังมีความทรงจำถึงที่นั่น
เมื่อคิดถึงแล้ว ใจจะขาด
หากแลกป่า กับความเดือดร้อนจากคนโดนน้ำท่วมหลายล้าน
อาจชั่งใจคิด
แต่จริงหรือที่เป็นเช่นนั้น
เมืองไทยมีกี่เขื่อนแล้ว ???
เรากำลังจะเสียป่าไป
เพื่ออะไร...???
ผมคัดค้านเขื่อนแม่วงก์
ผมคัดค้านการนำภาษีของผมไปฆ่านกเงือกคอแดง !
กำลังโหลดความคิดเห็น