ทีมข่าวภูมิภาค
เหตุวินาศกรรมไฟใต้ที่สร้างความอกสั้นขวัญแขวนไปทั่วประเทศ แถมยังเป็นที่สนใจไปทั่วโลก ซึ่งเริ่มจากคาร์บอมบ์ 2 จุดกลางเมืองยะลา ตามด้วยจักยานยนต์บอมบ์ที่ปัตตานี แล้วไปสร้างความระทึกลากยาวเกือบครึ่งวันด้วยคาร์บอมบ์ในอาคารศูนย์การค้าและโรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า กลางเมืองหาดใหญ่เมื่อวันเสาร์ที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลานี้อาฟเตอร์ช็อกทั้งระเบิดและยิงรายวันก็ยังมีตามมาให้เห็นต่อเนื่องนั้น
ชื่อและหน้าของบุคคลหนึ่งที่ผู้คนจำนวนมากคิดถึงและถามหา แต่หลังจากเกิดเหตุไฟใต้ที่แสนจะครึกโครมเที่ยวล่าสุดจนถึงเดี๋ยวนี้ เขากลับยังคงโลว์โปรไฟล์มาได้ต่อเนื่อง ทั้งที่ตำแหน่งแห่งหนและภาระหน้าที่รับผิดชอบหลักของเขาคือ ภาพตัวแทนรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ที่ว่ากันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือคนที่ชี้ให้ส่งลงพื้นที่ชายแดนใต้ไปเพื่อภารกิจ “ดับไฟใต้” โดยตรง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต.
เขาย้ายข้ามน้ำข้ามทะเลมานั่งตำแหน่งนี้ตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.2554 ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้าจากอาชีพตำรวจได้เข้าไปไต่เต้าเติบโตต่อเนื่องอยู่ในกระทรวงยุติธรรม เคยเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ช่วยเป่าปัดคดีต่างๆ ของคนในใต้ปีกโอบของระบอบทักษิณ และผลงานที่โด่งดังคือการชงดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนย้ายไปเป็นนั่งแท่นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม
ความที่เป็นนายตำรวจหน้าผ่อง จึงเคยมีข่าวสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเมื่อได้นั่งบัลลังก์นายกฯ ใหม่ๆ ก็สะพัดว่าการย้ายให้มานั่งตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต.ก็เพียงเพื่อต้องการติดสปริงคนใกล้ชิดได้เด้งสู่การเป็นข้าราชการระดับ 11 เพื่อไม่ให้ดูโลดโผนโจนทะยานเกินไปหากจะให้กลับไปนั่งแท่นเป็น “ปลัดกระทรวง” กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งที่มีความสำคัญต่อระบอบทักษิณ
ไม่เพียงเท่านั้น ช่วงเวลาแห่งการโยกย้ายเมื่อปลายปีที่แล้ว เขาถูกปรามาสว่าไม่มีความรู้และไม่เข้าใจในปัญหาไฟใต้ แม้จะเคยเป็นนายตำรวจสายเหยี่ยว แต่จะไปเข้าใจอะไรกับหน้าที่ดับไปใต้ฝ่ายพลเรือนต้องเน้นเล่นบทสายพิราบเป็นหลัก แต่ที่นับว่าหนักหนาสาหัสคือคำกล่าวในเชิงดูถูกที่ว่า...
“ไฟใต้จะโชนเปลวยิ่งขึ้นไปอีก หากให้องค์กรอย่าง ศอ.บต.อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง”
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลากว่าครึ่งปีที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ในตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต.กลับมีภาพที่ลุยงานแก้ปัญหาเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ไฟใต้อย่างหนัก โดยเฉพาะในเนื้องานที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ที่สะสมมายาวนานในด้านกระบวนการยุติธรรมและความเคลื่อนไหวทางการเมือง
ผลงานที่ปรากฏเป็นน้ำเป็นเนื้อไปแล้วก็เช่น การให้ฟื้นคืนโรงเรียนอิสลามบูรพา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าพัวพันขบวนการแบ่งแยกดินแดน แล้วถูกบอนไซไปเสีย 4-5 ปี การผลักดันให้มีการจ่ายค่าตอบแทนแก่บรรดาผู้นำศาสนาไม่ว่าจะเป็นอิหม่าม คอเต็บ บิหลัน เป็นต้น
แต่ผลงานที่ต้องนับว่าโดดเด่นจนเป็นที่กล่าวขานมาตลอด อีกทั้งเวลานี้ก็ถูกหยิบยกมากล่าวถึง จนเป็นที่สนใจและจับตาของสังคมก็คือ การที่เขาคือหนึ่งในตัวแทนไทยไปล้อมวงเจรจากับแกนนำขบวนการต่างๆ อย่างการเดินทางไปเยี่ยมขบวนการต้มยำกุ้งในประเทศมาเลเซียนั่นไง และว่ากันว่ามีส่วนหนุนหลังทำให้ภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณกอดคอกับแกนนำขบวนการคนหนึ่งปรากฏต่อสายตาสาธารณะในช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
ทว่า กับบทบาทในฐานะเลขาธิการ ศอ.บต.ที่เล่นมาทั้งหมด ผู้คนกลับชอบจดจำภาพลักษณ์ว่าเขาคือ “นักบุญประชานิยม” ผู้เป็นตัวแทนของระบอบทักษิณมากกว่า เพราะไม่ว่าจะทำโครงการอะไรหรืออย่างไร มักจะมีการแจกจ่ายเงินงบประมาณไปให้อย่างชนิดที่ฝ่ายที่ได้รับสุดแสนจะพออกพอใจตลอด จึงไม่แปลกที่หลายครั้งหลายหนภาพที่ถูกมองกลายเป็นว่า เขาคือผู้นิยมใช้เงินซื้อปัญหาไปเสียนั่น
“ภาพลักษณ์ในเรื่องนี้คนที่ได้ทำงานใกล้ชิดถึงกับมีการเปรยว่า พ.ต.ท.ทวีถนัดกับงานปลูกถั่วงอกอย่างมาก แต่ไม่ถนัดงานปลูกมะพร้าว เพราะถั่วงอกใช้เวลาแค่ 2-3 วันก็เอาไปส่งขายหรือทำกินได้แล้ว แต่มะพร้าวต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีจึงจะได้ผล” เสียงสะท้อนจากหนึ่งในสภาที่ปรึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้
เหตุการณ์ไฟใต้ลุกโชนครั้งใหม่และสร้างความตื่นระทึกแบบสุดๆ เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว สิ่งนี้จะเป็นเหมือนดั่งคำปรามาส พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง ที่เคยมีมาหรือไม่ เราคงต้องติดตามและจับตากันใกล้ชิดต่อไป