นครศรีธรรมราช - สจ.นครศรีฯ ระดมชาวบ้านไล่นายอำเภอลานสกา ซัดใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ขณะที่นายอำเภอลานสกาโต้แฉปมปั่นหัวชาวบ้านมารวมตัวอ้าง จนท.เตรียมดำเนินคดีที่ดินทับซ้อนเขตป่าสงวน
วันนี้ (3 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครศรีธรรมราช ว่า นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และนายเดชา กังสะนันท์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้หารือกันอย่างเคร่งเครียดต่อกรณีข้อร้องเรียนสืบเนื่องจากการรวมตัวของประชาชนชาว อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช กว่า 300 คน ซึ่งเรียกร้องให้มีการย้ายนายอภินันท์ เผือกผ่อง นายอำเภอลานสกา พร้อมด้วยนายวัชรินทร์ เสนาธิบดี ปลัดป้องกันอำเภอลานสกา ออกไปจากพื้นที่ โดยระบุว่า ทั้งสองใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และกลั่นแกล้งประชาชน โดยเฉพาะการทำประโยชน์ในที่ดิน น.ส.3 ที่ทับซ้อนกับเขตป่าสงวน
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา นายพิทยา ชุมภูพล ส.อบจ.เขต อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนายสิงหา ขุนทน ส.อบจ.เขต อ.เมืองนครศรีธรรมราช และแกนนำอีกหลายคน ได้ระดมประชาชนกว่า 300 คน รวมตัวกันที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอลานสกา จ.นครศรีธรรมราช พร้อมทั้งใช้รถยนต์กระบะเป็นเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของนายอภินันท์ เผือกผ่อง นายอำเภอลานสกา และนายวัชรินทร์ เสนาธิบดี ปลัดป้องกันอำเภอลานสกา จ.นครศรีธรรมราช อย่างเผ็ดร้อนท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียด
จากนั้น นายวัชรินทร์ เสนาธิบดี ปลัดป้องกันฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมนายพิทยา ชุมภูพล ส.อบจ.เขต อ.ลานสกา ขณะเริ่มทำการปราศรัยห่างจากหน้าที่ว่าการอำเภอลานสกา ไม่มากนัก ในข้อหาใช้เครื่องขยายเสียง ใช้เสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้คุมตัวนายพิทยามายัง สภ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ก่อนที่ชาวบ้านจะตามมารวมตัวกันบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอ ในบรรยากาศที่ตึงเครียด เจ้าหน้าที่ อส.ประจำอำเภอ ต้องติดอาวุธคอยรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ ในการปราศรัยนั้นได้มีการโจมตีการทำงานของนายอภินันท์ เผือกผ่อง นายอำเภอลานสกา พร้อมกับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างรุนแรง ในกรณีที่ได้จับกุมการตัดไม้ในที่ น.ส.3 ซึ่งทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวน การจับกุมการขุดดินจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมกันนั้น มีการปลุกระดมในทำนองว่านายอำเภอพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจไม่เป็นธรรมกับประชาชนในการจับกุมการตัดไม้ ทำไม้ในพื้นที่ น.ส.3 และเรียกร้องให้มีการขับไล่นายอำเภอลานสกา พร้อมด้วยปลัดป้องกันฯ ด้วยการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชสั่งย้ายออกไปจากท้องที่ทันทีภายใน 3 วัน และเรียกร้องให้นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช มารับข้อเรียกร้องด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม นายอภินันท์ เผือกผ่อง นายอำเภอลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในกรณีนี้เป็นเรื่องของอิทธิพล เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมบ่อดินในพื้นที่บ้านบนควน ม.6 ต.ลานสกา เมื่อวันที่ 25 ก.พ.55 พร้อมผู้ต้องหา 2 คน โดยได้ตรวจยึดรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ 1 คัน รถแบ็กโฮ 1 คัน โดย ส.อบจ.ที่มาเป็นแกนนำรายนี้รู้ดีว่าเป็นของใคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบด้วยการตั้งคณะกรรมการมาตั้งแต่ต้นปี 2554 ก่อนที่จะมาจับกุม เนื่องจาก อุตสาหกรรมจังหวัดยืนยันว่าได้ระงับใบอนุญาตไปแล้ว และทางทรัพยากรธรรมชาติยืนยันว่า เป็นเขตพื้นที่ป่าสงวนทั้งแปลง เอกสารสิทธิที่นำมาแสดงนั้นออกเมื่อปี 2519 แต่ได้ประกาศเขตป่าสงวนเมื่อปี 2518 ส.อบจ.รายนี้รู้ดีว่าจุดจบคดีนี้เป็นอย่างไร เรื่องนี้จึงเกิดขึ้นก็คือมาดำเนินการกับนายอำเภอ
และอีกกรณีคือ การจับกุมการตัดโค่นไม้ในเขตป่าสงวนที่อ้างว่าเป็นพื้นที่ น.ส.3 ซึ่งเป็นข่าวครึกโครม มีไม้ถูกตัดโค่นเป็นจำนวนมากนับร้อยท่อน มีการตั้งโรงงานแปรรูป ซึ่งเอกสารสิทธิที่ว่านั้น อธิบายอยู่แล้วว่าหนังสือครอบครองทำประโยชน์ครอบครองนั้นอาจตรวจยาก แต่ทำประโยชน์นั้นคงไม่ใช่ เพราะพื้นที่ที่ถูกจับนั้นเป็นป่าดงดิบรกชัฏมีไม้ถูกตัดโค่นจำนวนมาก มันก็กระไรอยู่
การระดมประชาชนมานั้นด้วยเหตุผลที่ว่านายอำเภอจะดำเนินการกับเอกสารสิทธิที่ทับซ้อนกับเขตป่าสงวน เข้าไปทำมาหากินไม่ได้ ชาวบ้านจึงมากันมากโดยที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง เขาเลือกเวลาในช่วงที่จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายพอดี
“ส่วนตัวนั้น พร้อมที่จะย้ายไปไหนก็ได้ สิ่งที่ทำนั้นทำเพื่อคนลานสกา เพื่อชาติ หากตัดไม้กันวินาศ ขุดดินขุดภูเขากันจนพรุนไปหมด ดินแดนที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทยจะเหลืออะไร ที่ป่าวร้องทำการท่องเที่ยวอยู่ปาวๆ นั้นเพื่ออะไร” นายอภินันท์ เผือกผ่อง นายอำเภอกล่าว