นครศรีธรรมราช - ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งระงับการออกประทานบัตรเหมืองแร่ทุกแห่งในพื้นที่ หลังตำรวจสอบสวนกลางบุกเข้าดำเนินคดี กับเหมืองแร่แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.นบพิตำ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีการทำผิด พ.ร.บ.การทำเหมืองแร่
วันนี้ (19 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.ต.ต.ศรีวรา รังสิพราหมณ์กุล รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง พร้อมด้วยกำลังตำรวจ ปทส.กว่า 100 นาย เข้าทำการตรวจค้นเหมืองแร่แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนเขานายปาน ม.1 ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจค้น และตรวจสอบข้อมูล พบว่า ผู้บริหารกำลังดำเนินอยู่ในขั้นตอนการขอเปลี่ยนชื่อบริษัทในการขอต่อประทานบัตรใหม่ ซึ่งจากการตรวจค้นในครั้งนี้พบว่า มีการทำผิด พ.ร.บ.การทำเหมืองแร่หลาย ทั้งนี้ พบว่า เมื่อปี 2554 น้ำในอ่างล้างแร่ได้ชะเอาดิน และหิน รวมทั้งแร่จากเหมืองลงมากัดเซาะสะพาน ถนน และบ้านเรือนราษฎรด้านล่างได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ล่าสุด นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า อุตสาหกรรมจังหวัด และนายอำเภอนบพิตำ ได้รายงานข้อเท็จจริงมาให้ทราบแล้วว่า บริษัทแห่งนี้ได้หมดประทานบัตรไปแล้วตั้งแต่ปี 2554 ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการขอต่อประทานบัตร และไม่สามารถประกอบกิจการได้จนกว่าจะได้ใบอนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ และประทานบัตรจากกระทรวงอุตสาหกรรมก่อน
ขณะนี้ตนได้สั่งให้ทั้ง 2 หน่วยงานปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ก็คือ 1.จะต้องให้หยุดประกอบกิจการทำเหมืองแร่ทุกประเภท 2.ในส่วนของพื้นที่ที่มีการบุกรุกไปแล้วให้ทางนายอำเภอนบพิตำเข้าไปตรวจสอบ แล้วให้ทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเข้าไปดูหากพบว่ามีการบุกรุกจะต้องดำเนินการตาม กม.ทันที
“ผมทราบเรื่องตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้ว ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจสอบสวนกลางดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายไป อย่างไรก็ตาม ผมได้ประสานไปยังอำเภอพื้นที่ พร้อมกันนั้นได้สั่งการให้ นายสุทธิพงศ์ เทิดรัตนพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประสานงานไปยังอุตสาหกรรมจังหวัดสั่งห้าม บริษัทดำเนินการต่อไปอย่างเด็ดขาด ถือว่าการดำเนินการที่ผ่านมานั้นผิดกฎหมายไม่สมควรอย่างยิ่ง”
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวต่อว่า ทุกบริษัทที่ประกอบกิจการประเภทนี้จะสั่งทบทวนหมดทุกแห่ง โดยเฉพาะเหมืองแร่นั้นอยู่ในส่วนที่ขึ้นไปบุกรุก ตัดไม้ทำลายป่า ในเขตอุทยานในเขตที่สูง ซึ่งเป็นเหตุทำให้เกิดดินโคลนถล่ม และการทำเหมือง การขุดดิน ซึ่งจะมีอยู่ 3 ส่วน คือ การตัดไม้ทำลายป่าบนพื้นที่ที่สูง การทำเหมืองในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตพื้นที่ป่า และการขุดดินตาม พ.ร.บ.โรงงาน
ซึ่งในส่วนของอุตสาหกรรมก็ต้องขอให้มีการทบทวนในการพิจารณาการออกใบอนุญาต ซึ่งในเรื่องนี้ทางอุตสาหกรรมจะต้องแจ้งให้เจ้าของพื้นที่ และประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบด้วย เพราะการขุดบางพื้นที่นั้น จะส่งผลกระทบกับสภาพภูมิประเทศเป็นอย่างมาก ดังนั้นอุตสาหกรรมจะต้องทบทวนทั้ง 3 ประเด็นนี้ไว้ด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวในที่สุด
วันนี้ (19 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.ต.ต.ศรีวรา รังสิพราหมณ์กุล รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง พร้อมด้วยกำลังตำรวจ ปทส.กว่า 100 นาย เข้าทำการตรวจค้นเหมืองแร่แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนเขานายปาน ม.1 ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจค้น และตรวจสอบข้อมูล พบว่า ผู้บริหารกำลังดำเนินอยู่ในขั้นตอนการขอเปลี่ยนชื่อบริษัทในการขอต่อประทานบัตรใหม่ ซึ่งจากการตรวจค้นในครั้งนี้พบว่า มีการทำผิด พ.ร.บ.การทำเหมืองแร่หลาย ทั้งนี้ พบว่า เมื่อปี 2554 น้ำในอ่างล้างแร่ได้ชะเอาดิน และหิน รวมทั้งแร่จากเหมืองลงมากัดเซาะสะพาน ถนน และบ้านเรือนราษฎรด้านล่างได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ล่าสุด นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า อุตสาหกรรมจังหวัด และนายอำเภอนบพิตำ ได้รายงานข้อเท็จจริงมาให้ทราบแล้วว่า บริษัทแห่งนี้ได้หมดประทานบัตรไปแล้วตั้งแต่ปี 2554 ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการขอต่อประทานบัตร และไม่สามารถประกอบกิจการได้จนกว่าจะได้ใบอนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ และประทานบัตรจากกระทรวงอุตสาหกรรมก่อน
ขณะนี้ตนได้สั่งให้ทั้ง 2 หน่วยงานปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ก็คือ 1.จะต้องให้หยุดประกอบกิจการทำเหมืองแร่ทุกประเภท 2.ในส่วนของพื้นที่ที่มีการบุกรุกไปแล้วให้ทางนายอำเภอนบพิตำเข้าไปตรวจสอบ แล้วให้ทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเข้าไปดูหากพบว่ามีการบุกรุกจะต้องดำเนินการตาม กม.ทันที
“ผมทราบเรื่องตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้ว ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจสอบสวนกลางดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายไป อย่างไรก็ตาม ผมได้ประสานไปยังอำเภอพื้นที่ พร้อมกันนั้นได้สั่งการให้ นายสุทธิพงศ์ เทิดรัตนพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประสานงานไปยังอุตสาหกรรมจังหวัดสั่งห้าม บริษัทดำเนินการต่อไปอย่างเด็ดขาด ถือว่าการดำเนินการที่ผ่านมานั้นผิดกฎหมายไม่สมควรอย่างยิ่ง”
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวต่อว่า ทุกบริษัทที่ประกอบกิจการประเภทนี้จะสั่งทบทวนหมดทุกแห่ง โดยเฉพาะเหมืองแร่นั้นอยู่ในส่วนที่ขึ้นไปบุกรุก ตัดไม้ทำลายป่า ในเขตอุทยานในเขตที่สูง ซึ่งเป็นเหตุทำให้เกิดดินโคลนถล่ม และการทำเหมือง การขุดดิน ซึ่งจะมีอยู่ 3 ส่วน คือ การตัดไม้ทำลายป่าบนพื้นที่ที่สูง การทำเหมืองในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตพื้นที่ป่า และการขุดดินตาม พ.ร.บ.โรงงาน
ซึ่งในส่วนของอุตสาหกรรมก็ต้องขอให้มีการทบทวนในการพิจารณาการออกใบอนุญาต ซึ่งในเรื่องนี้ทางอุตสาหกรรมจะต้องแจ้งให้เจ้าของพื้นที่ และประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบด้วย เพราะการขุดบางพื้นที่นั้น จะส่งผลกระทบกับสภาพภูมิประเทศเป็นอย่างมาก ดังนั้นอุตสาหกรรมจะต้องทบทวนทั้ง 3 ประเด็นนี้ไว้ด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวในที่สุด