ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต นำเจ้าหน้าที่ลุยตรวจสถานบริการที่ให้บริการสูบบารากู่ 3 แห่ง ในพื้นที่ อ.เมือง พบเด็กนักเที่ยวฉี่สีม่วง 3 ราย รับเสพยาไอซ์
นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 21.00 น.คืนที่ผ่านมา (27 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัด เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองภูเก็ต ตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต สรรพาสามิต ศุลกากร เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต นำโดยตนเอง พร้อมทั้ง นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่กว่า 50 นาย เข้าตรวจสอบสถานบริการในพื้นที่เมืองภูเก็ต ที่ให้บริการสูบยาเส้นปรุงรสผ่านทางอุปกรณ์การสูบ ที่เรียกว่า บารากู่ หลังได้รับการร้องเรียนเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่ามีสถานบันเทิง ร้านอาหาร ให้บริการสูบบารากู่เกิดขึ้นหลายแห่ง
สำหรับการลงพื้นที่ในการตรวจสอบครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่ พบว่า มีร้านที่เปิดให้บริการเพียง 3 แห่งเท่านั้น ขณะที่ร้านอื่นๆ เมื่อทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบได้ชิงปิดร้านไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบ โดยร้านที่เข้าตรวจสอบ 3 ร้าน ประกอบด้วย ร้านเขียวตอง ผลการตรวจสอบ พบอุปกรณ์การสูบบารากู่ และจากการตรวจปัสสาวะของผู้เข้าใช้บริการ พบมีปัสสาวะสีม่วง 2 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน สอบถามรับว่า ได้เสพยาไอซ์มา ร้านที่ 2 ที่เข้ามาไปตรวจ คือ มังกี้แฮบ จากการตรวจสอบพบอุปกรณ์การสูบบารากู่ และพบเยาวชนชายที่เข้าใช้บริการภายในร้านมีปัสสาวะเป็นสีม่วง 1 คน ส่วนร้านสุดท้าย คือ ร้าน ม.สำราญ ซึ่งอยู่ระหว่างเก็บโต๊ะเตรียมปิดให้บริการ แต่จากการเข้าตรวจสอบภายในร้าน พบอุปกรณ์การสูบบารากู่จำนวนหนึ่ง แต่ไม่พบผู้เข้าใช้บริการ
นายจำเริญ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสถานบริการทั้ง 3 แห่ง เจ้าหน้าที่ได้เก็บอุปกรณ์การต่างๆ ภายในร้าน เพื่อไว้ตรวจสอบหาสารเสพติดต่อไป ขณะที่ในส่วนของผู้ที่ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายได้นำตัวไปทำประวัติ ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต เพื่อเข้าสู่ระบบบำบัดแบบสมัครใจ แต่ถ้าไม่สมัครใจก็จะถูกดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติดต่อไป ซึ่งการสูบบารากู่นั้นกำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นและแพร่ระบาดในสถานบันเทิง สถานที่ท่องเที่ยว หรือหอพักต่างๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการปราบปรามและป้องกันเพื่อให้เด็กและ เยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้มีในเรื่องของการเสพยาบ้า ยาไอซ์ ตามมา
นายจำเริญ กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถานบริการต่างๆ ที่ไม่เข้าข่ายสถานบันเทิง เปิดให้บริการแก่เด็กและเยาวชนเข้าไปใช้บริการสูบยาเส้นปรุงรสผ่านอุปกรณ์ “บารากู่” ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 20 แห่ง เฉพาะในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต มีมากกว่า 10 แห่ง ซึ่งกลายเป็นสถานที่มั่วสุมสำหรับเด็กและยาวชนในพื้นที่ สำหรับอุปกรณ์บารากู่นั้น ยังไม่มีกฎหมายควบคุม แต่ก็มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่สามารถดำเนินการได้ เช่น กฎหมายสรรพสามิตเกี่ยวกับการนำเข้ายาเส้น ซึ่งไม่อนุญาตให้มีการนำเข้า ประกอบกับในปัจจุบันมีกฎหมายห้ามการสูบบุหรี่ยาสูบในสถานบริการ สถานบันเทิง หรือสถานที่สาธารณะต่างๆ รวมไปถึงการจำหน่ายเหล้า และบุหรี่ ให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งทางจังหวัดจะใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการกับสถานประกอบการเหล่านี้
นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 21.00 น.คืนที่ผ่านมา (27 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัด เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองภูเก็ต ตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต สรรพาสามิต ศุลกากร เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต นำโดยตนเอง พร้อมทั้ง นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่กว่า 50 นาย เข้าตรวจสอบสถานบริการในพื้นที่เมืองภูเก็ต ที่ให้บริการสูบยาเส้นปรุงรสผ่านทางอุปกรณ์การสูบ ที่เรียกว่า บารากู่ หลังได้รับการร้องเรียนเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่ามีสถานบันเทิง ร้านอาหาร ให้บริการสูบบารากู่เกิดขึ้นหลายแห่ง
สำหรับการลงพื้นที่ในการตรวจสอบครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่ พบว่า มีร้านที่เปิดให้บริการเพียง 3 แห่งเท่านั้น ขณะที่ร้านอื่นๆ เมื่อทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบได้ชิงปิดร้านไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบ โดยร้านที่เข้าตรวจสอบ 3 ร้าน ประกอบด้วย ร้านเขียวตอง ผลการตรวจสอบ พบอุปกรณ์การสูบบารากู่ และจากการตรวจปัสสาวะของผู้เข้าใช้บริการ พบมีปัสสาวะสีม่วง 2 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน สอบถามรับว่า ได้เสพยาไอซ์มา ร้านที่ 2 ที่เข้ามาไปตรวจ คือ มังกี้แฮบ จากการตรวจสอบพบอุปกรณ์การสูบบารากู่ และพบเยาวชนชายที่เข้าใช้บริการภายในร้านมีปัสสาวะเป็นสีม่วง 1 คน ส่วนร้านสุดท้าย คือ ร้าน ม.สำราญ ซึ่งอยู่ระหว่างเก็บโต๊ะเตรียมปิดให้บริการ แต่จากการเข้าตรวจสอบภายในร้าน พบอุปกรณ์การสูบบารากู่จำนวนหนึ่ง แต่ไม่พบผู้เข้าใช้บริการ
นายจำเริญ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสถานบริการทั้ง 3 แห่ง เจ้าหน้าที่ได้เก็บอุปกรณ์การต่างๆ ภายในร้าน เพื่อไว้ตรวจสอบหาสารเสพติดต่อไป ขณะที่ในส่วนของผู้ที่ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายได้นำตัวไปทำประวัติ ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต เพื่อเข้าสู่ระบบบำบัดแบบสมัครใจ แต่ถ้าไม่สมัครใจก็จะถูกดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติดต่อไป ซึ่งการสูบบารากู่นั้นกำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นและแพร่ระบาดในสถานบันเทิง สถานที่ท่องเที่ยว หรือหอพักต่างๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการปราบปรามและป้องกันเพื่อให้เด็กและ เยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้มีในเรื่องของการเสพยาบ้า ยาไอซ์ ตามมา
นายจำเริญ กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถานบริการต่างๆ ที่ไม่เข้าข่ายสถานบันเทิง เปิดให้บริการแก่เด็กและเยาวชนเข้าไปใช้บริการสูบยาเส้นปรุงรสผ่านอุปกรณ์ “บารากู่” ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 20 แห่ง เฉพาะในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต มีมากกว่า 10 แห่ง ซึ่งกลายเป็นสถานที่มั่วสุมสำหรับเด็กและยาวชนในพื้นที่ สำหรับอุปกรณ์บารากู่นั้น ยังไม่มีกฎหมายควบคุม แต่ก็มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่สามารถดำเนินการได้ เช่น กฎหมายสรรพสามิตเกี่ยวกับการนำเข้ายาเส้น ซึ่งไม่อนุญาตให้มีการนำเข้า ประกอบกับในปัจจุบันมีกฎหมายห้ามการสูบบุหรี่ยาสูบในสถานบริการ สถานบันเทิง หรือสถานที่สาธารณะต่างๆ รวมไปถึงการจำหน่ายเหล้า และบุหรี่ ให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งทางจังหวัดจะใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการกับสถานประกอบการเหล่านี้