เจ้าหน้าที่ศุลกากร สกัดจับรถบรรทุกสิบล้อ และรถพ่วงบรรทุกของหนีภาษี ทั้งยาฉีดผิวขาว จำนวน 305 กล่อง หนังเสือ 4 ตัว เชื้อบารากู่ 128 กิโลกรัม ซีดีและดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา จำนวน 10,100 แผ่น เสื้อผ้าแบรนด์เนม ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 200 กระสอบ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสารทประเภท Diazepam จำนวน 30,000 เม็ด สิ่งเทียมอาวุธปืนสั้น พร้อมแม็กกาซีน 300 กระบอก รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท
วันนี้ (5 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กรมศุลกากร นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล รองอธิบดีด้านปราบปรามวางแผน นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผอ.สำนักสืบสวนและปราบปราม ร่วมกันแถลงผลการจับกุมสินค้าลักลอบหนีศุลกากร และสินค้าหลีกเลี่ยงข้อห้าม พร้อมของกลางยาฉีดผิวขาว จำนวน 305 กล่อง หนังเสือ 4 ตัว เชื้อบารากู่ 128 กิโลกรัม ซีดีและดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา จำนวน 10,100 แผ่น เสื้อผ้าแบรนด์เนม ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 200 กระสอบ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท Diazepam จำนวน 30,000 เม็ด สิ่งเทียมอาวุธปืนสั้น พร้อมแม็กกาซีน 300 กระบอก รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้ที่ ถ.พนมสารคาม-ฉะเชิงเทรา
นายสมชาย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากฝ่ายสืบสวนปราบปราม 1 และ 3 กรมศุลกากรได้ร่วมกันวางแผน หลังสืบทราบว่า จะมีการลักลอบหลีกเลี่ยงอากร ของต้องห้าม และข้อจำกัด สินค้าหนีภาษีจำนวนมาก ลักลอบเข้ามาทาง ถ.พนมสารคาม-ฉะเชิงเทรา จึงได้วางกำลังสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบรถบรรทุกสิบล้อหมายเลขทะเบียน 70-0133 สระแก้ว และรถบรรทุกสิบล้อพ่วงหมายเลขทะเบียน 70-0186 สระแก้ว ซึ่งมี นายจักรกฤษณ บุญลาโพธิ และ นายสำราญ เหลืองประเสริฐ เป็นผู้ขับขี่
ด้าน นางอรอนงค์ กล่าวว่า ในส่วนของซากหนังเสือ ที่เจ้าหน้าที่พบนั้น เชื่อว่า เสือตัวดังกล่าวน่าจะมีที่มาจากทางภาคใต้ของประเทศไทย หรือ อินโดนีเชีย ซึ่งเป็นความผิดตามอนุสัญญาไซเตส อย่างไรก็ตาม ขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่านั้น จะมีการแยกเนื้อสัตว์ส่งออกไปยังประเทศที่มีผู้นิยมชอบทานเนื้อสัตว์ เนื่องจากพวกที่นิยมทานเนื้อสัตว์จะมีความเชื่อว่าจะทำให้เสริมสมรรถภาพทางเพศ ช่วยรักษาโรค และจะขายซากสัตว์ส่งไปยังประเทศที่สามเช่นกัน ซึ่งซากหนังเสือดังกล่าวที่ยึดได้นั้น ถือว่ามีขนาดสมบูรณ์ เชื่อว่า ที่มาของเสือดังกล่าวน่าจะมีถิ่นฐานในแถบป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งในส่วนของกลางอื่นๆ อาทิ เสื้อกีฬาแบรนด์เนมสโมสรฟุตบอลต่างประเทศ ที่ทางกรมศุลกากรสามารถจับกุมมาได้นั้น พบว่า มีการลักลอบนำสินค้าดังกล่าวส่งทางไปรษณีย์ไปยังต่างประเทศ จากเดิมมีการลักลอบขนส่ง ทำให้ปัจจุบันมีการกระทำความผิดในลักษณะนี้มากขึ้น
เบื้องต้นผู้กระทำความผิดจะถูกดำเนินคดีฐานลักลอบนำของที่ไม่ได้เสียภาษี เข้ามาในราชอาณาจักร หรือส่งออกนอกอาณาจักร ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 99 มาตรา 27 มาตรา 27 ทวิแห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมนำของกลางส่งกรมศุลกากรดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (5 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กรมศุลกากร นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล รองอธิบดีด้านปราบปรามวางแผน นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผอ.สำนักสืบสวนและปราบปราม ร่วมกันแถลงผลการจับกุมสินค้าลักลอบหนีศุลกากร และสินค้าหลีกเลี่ยงข้อห้าม พร้อมของกลางยาฉีดผิวขาว จำนวน 305 กล่อง หนังเสือ 4 ตัว เชื้อบารากู่ 128 กิโลกรัม ซีดีและดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา จำนวน 10,100 แผ่น เสื้อผ้าแบรนด์เนม ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 200 กระสอบ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท Diazepam จำนวน 30,000 เม็ด สิ่งเทียมอาวุธปืนสั้น พร้อมแม็กกาซีน 300 กระบอก รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้ที่ ถ.พนมสารคาม-ฉะเชิงเทรา
นายสมชาย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากฝ่ายสืบสวนปราบปราม 1 และ 3 กรมศุลกากรได้ร่วมกันวางแผน หลังสืบทราบว่า จะมีการลักลอบหลีกเลี่ยงอากร ของต้องห้าม และข้อจำกัด สินค้าหนีภาษีจำนวนมาก ลักลอบเข้ามาทาง ถ.พนมสารคาม-ฉะเชิงเทรา จึงได้วางกำลังสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบรถบรรทุกสิบล้อหมายเลขทะเบียน 70-0133 สระแก้ว และรถบรรทุกสิบล้อพ่วงหมายเลขทะเบียน 70-0186 สระแก้ว ซึ่งมี นายจักรกฤษณ บุญลาโพธิ และ นายสำราญ เหลืองประเสริฐ เป็นผู้ขับขี่
ด้าน นางอรอนงค์ กล่าวว่า ในส่วนของซากหนังเสือ ที่เจ้าหน้าที่พบนั้น เชื่อว่า เสือตัวดังกล่าวน่าจะมีที่มาจากทางภาคใต้ของประเทศไทย หรือ อินโดนีเชีย ซึ่งเป็นความผิดตามอนุสัญญาไซเตส อย่างไรก็ตาม ขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่านั้น จะมีการแยกเนื้อสัตว์ส่งออกไปยังประเทศที่มีผู้นิยมชอบทานเนื้อสัตว์ เนื่องจากพวกที่นิยมทานเนื้อสัตว์จะมีความเชื่อว่าจะทำให้เสริมสมรรถภาพทางเพศ ช่วยรักษาโรค และจะขายซากสัตว์ส่งไปยังประเทศที่สามเช่นกัน ซึ่งซากหนังเสือดังกล่าวที่ยึดได้นั้น ถือว่ามีขนาดสมบูรณ์ เชื่อว่า ที่มาของเสือดังกล่าวน่าจะมีถิ่นฐานในแถบป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งในส่วนของกลางอื่นๆ อาทิ เสื้อกีฬาแบรนด์เนมสโมสรฟุตบอลต่างประเทศ ที่ทางกรมศุลกากรสามารถจับกุมมาได้นั้น พบว่า มีการลักลอบนำสินค้าดังกล่าวส่งทางไปรษณีย์ไปยังต่างประเทศ จากเดิมมีการลักลอบขนส่ง ทำให้ปัจจุบันมีการกระทำความผิดในลักษณะนี้มากขึ้น
เบื้องต้นผู้กระทำความผิดจะถูกดำเนินคดีฐานลักลอบนำของที่ไม่ได้เสียภาษี เข้ามาในราชอาณาจักร หรือส่งออกนอกอาณาจักร ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 99 มาตรา 27 มาตรา 27 ทวิแห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมนำของกลางส่งกรมศุลกากรดำเนินการตามกฎหมายต่อไป