พังงา - คณะกรรมาธิการปปช.สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ชี้ถ้าเตรียมยื่นเรื่องเพิกถอน และเอาผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่
วันนี้ (17 มี.ค.) พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ รองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร และผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ที่ดิน DSI เจ้าหน้าที่ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ อ.เกาะยาว จ.พังงา
ทั้งนี้ เพื่อตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตำบลเกาะยาวใหญ่ และ ตำบลพรุใน ตามข้อร้องเรียนของชาวบ้าน กรณีนายทุนออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบด้วยกฎหมายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองย่าหมี และป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาด จำนวน 19 แปลง ในปี 2520 ขณะที่ก่อนหน้านั้นในปี 2511 มีการประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ จนก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวบ้าน และนายทุน
นางกานดา โต๊ะไม ตัวแทนชาวบ้านย่าหมี กล่าวว่า ชาวบ้านได้ยื่นข้อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความถูกต้องในการออกเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งชาวบ้านได้ยืนยันว่าพร้อมจะต่อสู้ในการรักษาป่าต้นน้ำให้คงไว้
ด้านพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ที่มีปัญหาในเบื้องต้น พบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งทางจังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากพบว่ามีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบด้วยกฎหมายจะต้องดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิอย่างแน่นอน
ขณะที่นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ รองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กระบวนการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินที่ไม่ถูกต้อง นั้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนจะต้องบูรณาการความร่วมมือกันทุกภาคส่วน หากพบว่ามีการเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบ หรือได้เอกสารสิทธิโดยมิชอบ ก็ต้องยื่นเรื่องเพิกถอนต่อกระทรวงมหาดไทย และกรมที่ดินตามมาตรา 61 รวมถึงหากพบเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิที่ไม่ถูกกต้องก็ต้องเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เพื่อป้องปรามการทุจริตและรักษาป่าไม้
วันนี้ (17 มี.ค.) พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ รองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร และผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ที่ดิน DSI เจ้าหน้าที่ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ อ.เกาะยาว จ.พังงา
ทั้งนี้ เพื่อตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตำบลเกาะยาวใหญ่ และ ตำบลพรุใน ตามข้อร้องเรียนของชาวบ้าน กรณีนายทุนออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบด้วยกฎหมายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองย่าหมี และป่าสงวนแห่งชาติป่าช่องหลาด จำนวน 19 แปลง ในปี 2520 ขณะที่ก่อนหน้านั้นในปี 2511 มีการประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ จนก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวบ้าน และนายทุน
นางกานดา โต๊ะไม ตัวแทนชาวบ้านย่าหมี กล่าวว่า ชาวบ้านได้ยื่นข้อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความถูกต้องในการออกเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งชาวบ้านได้ยืนยันว่าพร้อมจะต่อสู้ในการรักษาป่าต้นน้ำให้คงไว้
ด้านพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ที่มีปัญหาในเบื้องต้น พบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งทางจังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากพบว่ามีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบด้วยกฎหมายจะต้องดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิอย่างแน่นอน
ขณะที่นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ รองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กระบวนการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินที่ไม่ถูกต้อง นั้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนจะต้องบูรณาการความร่วมมือกันทุกภาคส่วน หากพบว่ามีการเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบ หรือได้เอกสารสิทธิโดยมิชอบ ก็ต้องยื่นเรื่องเพิกถอนต่อกระทรวงมหาดไทย และกรมที่ดินตามมาตรา 61 รวมถึงหากพบเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิที่ไม่ถูกกต้องก็ต้องเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เพื่อป้องปรามการทุจริตและรักษาป่าไม้