ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เผยหนึ่งในผู้ต้องหาถูงออกหมายจับคดีฆ่า “เอ๋ อินไซด์” เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ตติดต่อขอมอบตัวแล้วคาดสัปดาห์หน้าแต่ยังไม่ระบุวันชัดเจน
พล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รอง ผบช.ภ.8 กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายใช้อาวุธปืน 9 มม.สังหารนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยากรณ์ หรือ เอ๋อินไซด์ อายุ 44 ปี เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ต และแกนนำ นปช.ภูเก็ต ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่บริเวณถนนทุ่งคา- ควนดินแดง ปากทางแยก ถ.เทพกระษัตรี ตรงข้ามศูนย์รถยนต์สยามนิสสันภูเก็ต ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ว่า หลังจากเกิดเหตุทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ได้ติดตามสอบสวนขยายจนสามารถจับกุมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ให้กับมือปืนได้ คือ นายนายนพดล พรายศรี หรือแพะ อายุ 43 ปี
จากนั้นได้มีการสอบสวนขยายผลจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 3 ราย ประกอบด้วย นายสัญญา หรือหนู กลิ่นชุ่ม อายุ 36 ปี ซึ่งสืบทราบต่อมาภายหลังว่าผู้ต้องหารายนี้เปลี่ยนชื่อ จึงได้เพิ่มชื่อผู้ต้องหา เป็น นายทศพล หรือสัญญา หรือหนู หรือเอก เกตุแก้ว หรือ กลิ่นชุ่ม กล่าวหาว่า ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง หมายจับที่ 31/2555 ลงวันที่ 20 มกราคม 2555 นายสมควร หรือบอย ดีพันธ์ อายุ 48 ปี กล่าวหาว่า ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยเป็นผู้ใช้ และหมายจับที่ 32/2555 นายอัษฎากร สีดอกบวบ อายุ 48 ปี เจ้าของเคเบิ้ลท้องถิ่นแห่งหนึ่ง โดยกล่าวหาว่าร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
พล.ต.อ.พิสัณห์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ใกล้ชิดกับผู้ต้องหารายของนายอัษฎากร สีดอกบวบ ได้ติดต่อเพื่อขอเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นสัปดาห์หน้าแต่ยังไม่มีการระบุวันเวลาที่ชัดเจน เบื้องต้นในส่วนของการประกันตัวคงจะต้องส่งศาลพิจารณา โดยในชั้นของตำรวจก็จะต้องเร่งดำเนินการสอบสวน และหากให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีก็ต้องมาพิจารณาการประกันตัวอีกครั้ง ส่วนของผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 ราย นั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เร่งติดตามตัวอยู่เช่นกัน
อย่างไรก็ตามสำหรับคดีสังหาร นายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยากรณ์ หรือ เอ๋อินไซด์ ได้รับความสนใจจาก คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้เดินทางมาติดตามผลเรื่องร้องเรียนกรณีการออกเอกสารสิทธิทับซ้อน พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโดยมิชอบ บริเวณพื้นที่ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต และ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ด้วย โดยเชิญทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาให้ข้อมูลความคืบหน้า
โดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังรับคำชี้แจงว่า เท่าที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานมานั้น ก็ถือว่ามีความคืบหน้าเป็นที่หน้าพอใจ เพราะสามารถที่จะจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 1 ราย และขยายผลจนสามารถออกหมายจับได้เพิ่มอีก 3 ราย ซึ่งในส่วนของรูปคดีนั้นก็ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาดำเนินการต่อไป และกรรมาธิการฯ ก็ไม่ได้ล้วงลึกลงไปมาก เพราะอาจจะทำให้เสียรูปคดีได้ แต่ภาพรวมนับว่ามีความคืบหน้าค่อนข้างมาก ก็คงต้องติดตามกันต่อไป