ปัตตานี - ผลสอบข้อเท็จจริงคดี 4 ศพปัตตานี คลอดแล้ว คณะกรรมการระบุชัด ชาวบ้านปุโละปุโยไม่ใช่คนร้าย ผู้ใช้อาวุธถล่มชาวบ้านเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เตรียมยื่น 8 ข้อเสนอแนะให้แม่ทัพภาค 4
วานนี้ (10 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีทหารพรานกองร้อย 4302 ยิงชาวบ้านเสียชีวิต 4 คน บาดเจ็บอีก 5 คน เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2555 ผู้เข้าประชุม ประกอบด้วย นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการ นายเสรี ศรีหะไตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะรองประธานกรรมการ นายกิตติ สุระคำแหง ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานยุติธรรม ศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการ นายอนุกูล อาแวปูเต๊ะ ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการ เป็นต้น
ที่ประชุมได้สอบปากคำพยานครั้งสุดท้าย มี ร.ต.อ.พิสิษฐ์ บัวแก้ว เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดปัตตานี และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน 10 จังหวัดยะลา จากนั้นที่ประชุมก็ได้สรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริง
จากการให้ปากคำของพยานสรุปได้ว่า ผลการตรวจสอบไม่พบเขม่าดินปืนจากประชาชนผู้บาดเจ็บที่รอดชีวิต และไม่พบเขม่าดินปืนภายในรถ ส่วนผู้เสียชีวิตไม่สามารถตรวจสอบได้ ส่วนผลการตรวจสอบรถยนต์ของฝ่ายชาวบ้านที่ถูกยิง ไม่พบเขม่าดินปืนจากอาวุธปืนอาก้าที่พบในรถ ส่วนปลอกกระสุนปืนในรถ 3 ปลอก ไม่ได้เป็นปลอกกระสุนที่มาจากอาวุธปืนอาก้า สำหรับอาวุธปืนขนาด 11 มม.ที่พบในรถ มีร่องรอยการยิง แต่ไม่พบเขม่าดินปืนของปืนกระบอกนี้ในที่เกิดเหตุ ส่วนวิถีกระสุน พบว่า ยิงลงมาจากที่สูง และยิงเฉพาะด้านหน้าและด้านซ้ายมือของรถ เป็นการยิงจากภายนอกเข้ามาในรถ ไม่มีร่องรอยการยิงจากในรถออกไปยังภายนอก
กรรมการบางคนสันนิษฐานว่า เมื่อดูจากวิถีกระสุนอาจจะมีผู้ยิงมากกว่าสองคน และมีการยิงกระสุนจากปืนขนาด 11 มม.จริง แต่ยังไม่สามารถหาหัวกระสุนได้ เนื่องจากญาติไม่ยอมให้ชันสูตรศพ
กรรมการบางคนตั้งข้อสังเกตคำให้การของทหารพรานที่บอกว่า มีทหารพรานอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวน 4 คน แต่ลงมือยิงเพียง 3 คน โดย 2 คนเล็งไปทางด้านหน้ารถ อีกคนเล็งไปทางพุ่มไม้ โดยยิงจากด้านหน้ารถ 30 นัด ระยะห่าง 7 เมตร แต่ยิงพลาด ขณะที่ผลการพิสูจน์หลักฐานกลับพบร่องรอยกระสุนส่วนใหญ่ ถูกยิงจากด้านข้าง
นอกจากนี้ ยังมีคำให้การของทหารทั้ง 3 คนอีกหลายประเด็นที่ไม่สมเหตุสมผล และยังมีข้อมูลหลายข้อสามารถเชื่อมโยงได้ว่า ใครเป็นคนยิงมาจากด้านข้างของรถ และยังพบวิถีกระสุนพร้อมปลอกกระสุนที่ยิง บ่งบอกเจตนาที่จะทำให้ถึงแก่ความตาย การที่ทหารพรานถอนกำลังทันทีหลังเหตุการณ์ยุติ แทนที่จะปิดล้อมไม่ให้มีคนนอกเข้าไปยังที่เกิดเหตุ ทำให้การเคลื่อนย้ายวัตถุพยานเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ในที่สุด คณะกรรมการได้สรุปผลการสอบสวนว่า ชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตไม่ใช่คนร้าย และจากคำให้การทั้งหมดบ่งชี้ว่า ผู้ที่ใช้อาวุธที่ทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการมีความเห็นว่า ถึงแม้ประเด็นเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ยิงเป็นที่ยอมรับกันแล้ว แต่ยังต้องติดตามต่อไปว่า เจตนาการยิงของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นอย่างไร เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการได้จัดทำข้อเสนอแนะ โดยเบื้องต้นมีทั้งหมด 8 ข้อ ประกอบด้วย 1.ให้ผู้กระทำผิดยอมรับความจริงและขอโทษ พร้อมกับออกมาแถลงความจริงต่อสาธารณชน 2.ให้เยียวยาหรือพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้รับผลกระทบอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง 3.ให้นำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม 4.ให้มีการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์
5.การนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล รวมทั้งการตรวจชันสูตรศพ ใช้เวลานานมาก ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรคำนึงถึงจริยธรรมในการให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ 6.ให้กำหนดมาตรการการใช้อาวุธให้รัดกุม 7.ให้ทำความเข้าใจ กรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐตัดสินใจตอบโต้อย่างรวดเร็วว่าเกิดขึ้นด้วยเหตุใด 8.ให้จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่เร็วพร้อมเข้าไปช่วยเหลือผู้ถูกทำร้ายในที่เกิดเหตุ
เนื่องจากระหว่างการพิจารณาข้อเสนอแนะ คณะกรรมการได้ถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ที่ประชุมจึงมอบหมายให้เลขานุการคณะกรรมการชุดนี้ ไปสรุปและเรียบเรียงข้อเสนอทั้ง 8 ข้ออีกครั้ง จากนั้นให้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ในวันที่ 16 มีนาคม 2555 นี้