ปัตตานี - สภา ศอ.บต.ร่วมหาทางออกกรณีเร่งด่วน ซึ่งสร้างความเสื่อมศรัทธาที่ชาวบ้านมีต่อทหาร หลังจากเกิดกรณีการซ้อมร่างกาย ยิง ข่มขืนสาว 16 เป็นต้น ซึ่งล้วนกระทบภาพลักษณ์ของหน่วยงานภาครัฐ และป้องกันไม่ให้ปัญหาบานปลายกระทบการแก้ปัญหาความไม่สงบในชายแดนใต้
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่ห้องมหารานี โรงแรมเซาท์เทิร์นวิวปัตตานี นายอาซิส เบญหาวัน ประธานสภาที่ปรึกษาการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เรียกประธานและเลขานุการคณะกรรมการประจำสภาที่ปรึกษาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 9 คณะ จำนวน 25 คน กรณีเร่งด่วน กรณีที่ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กำลังสร้างปัญหา ทั้งคดีซ้อมผู้ถูกกล่าวหาที่จังหวัดนราธิวาส, กรณีที่ทหารพรานยิงชาวบ้าน 4 ศพ ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี, กรณีทหารเกณฑ์ล่วงละเมิดทางเพศสาวมุสลิมอายุ 16 ปี และถ่ายคลิบเผยแพร่ที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า ทั้ง 3 เหตุการณ์ ส่งผลกระทบต่อ กอ.รมน.ภาค 4 ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีความเกลียดชัง ขาดความเชื่อมั่นและเชื่อถือ และไม่ให้ความร่วมมือกับงานด้านมวลชนในการร่วมกันแก้ปัญหาความสงบสุข เป็นช่องว่างที่ให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายในพื้นที่อ้างและขยายผลทำลายมวลชนว่ากองทัพไม่สามารถดูแลได้ แต่กลับสร้างปัญหา ทำให้มีเหตุผลมากขึ้น การเอาทหารออกไป ถ้าไม่มีทหารก็ไม่มีเหตุการณ์ นอกจากนั้นจะกระทบต่อหน่วยงานรัฐอื่นๆ อีกด้วย
สภาฯได้มีการถกปัญหาดังกล่าวทั้ง 3 เรื่องอย่างเคร่งเครียด จึงเห็นว่า ถ้าปล่อยเรื่องนี้โดยไม่มีการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และส่งผลกระทบต่อการทำงานในการที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาตวามไม่ปลอดภัยให้เกิดความสงบสันติสุขได้
สรุปว่า กรณีปัญหาซ้อมผู้ถูกกล่าวหา ที่ จ.นราธิวาส มีการดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว ส่วนคดีทหารพรานยิง 4 ศพนั้น ทำหนังสือถึงเลขาธิการ ศอ.บค.ให้จัดส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนในเชิงลึก แต่ไม่กระทบกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของกองทัพภาคที่ 4 และคณะพนักงานสอบสวนของผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงด้วย
ส่วนปัญหาทหารเกณฑ์ข่มขืนสาว 16 ที่ปัตตานีนั้น เป็นปัญหาสำคัญและใหญ่ ที่กระทบคนในพื้นที่มากที่สุด หลังจากที่มีการย้ายฐาน, การดำเนินคดีแล้วต้องร่วมกันแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นจะต้องหาคนกลางในการประสานมอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัว และสาว 16 ปีที่เสียหาย ตามความเหมาะสมอย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกัน จะต้องประสานกับโรงเรียนที่เรียนอยู่ สามารถเรียนต่อได้ ส่วนการสอบปลายภาคก็ควรให้สอบได้คือสอบคนเดียว แต่ถ้าโรงเรียนปฏิเสธก็ต้องหาโรงเรียนอื่น เพื่ออนาคตของเด็ก
ส่วนระยะยาวก็ต้องดำเนินการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เพราะกำลังทหารยังคงอยู่ในพื้นที่อีกยาวนาน จะต้องให้ กองทัพภาคที่ 4 เข้มงวดและ ป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำๆซาก
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้ถกประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นเริ่มบานปลายเป็นปัญหาสังคม โดยเฉพาะนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล ได้กล่าวถึงปัญหาชู้สาว สาวมุสลิมในพื้นที่มีปัญหาเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี มีปัญหาท้องมากมายกับผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่มีลูกแต่ไม่มีพ่อ ไม่มีอาชีพ ถูกสังคมครหาโดยเฉพาะจังหวัดนราธิวาสอยู่อันดับ 1 ทำให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต้องมาช่วยเหลือเป็นภาระ เป็นปัญหาสังคมที่น่าเป็นห่วง เป็นการทำลายสังคม ทำลายสถาบันครอบครัวทำลายด้านศาสนา นอกเหนือจากองค์กรของรัฐที่ต้องออกมาดำเนินการแล้ว
ส่วนประเด็นเพิ่มเติม คือ ปัญหานายหน้าเยียวยา 7.5 ล้าน ให้หยุดพูด เพราะรายละเอียดไม่ชัดเจน ใครตรวจสอบพบว่ามีนายหน้า ให้จดรายชื่อแจ้งดีเอสไอดำเนินการจับกุมทันที จึงขอรัยกร้องให้องค์กรทางด้านศาสนา เช่นผู้นำศาสนา รวมทั้งภาคประชาชนต้องมีส่วนร่วมอย่างมากในการที่มีส่วนร่วมกับรัฐในการแก้ปัญหาเช่นนี้ ผู้นำศาสนาจะนิ่งเฉยไม่ได้แล้ว เพราะมีความเข้าใจมีความรู้ลึกซึ้งกว่า
ดังนั้น ที่ประชุม ให้มีการสรุปและนำปัญหาและข้อเสนอต่างๆ เสนอต่อสภาที่ปรึกษาการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสรุปเสนอต่อเลขาธิการ ศอ.บต. และ กอ.รมน.ภาค 4 ดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่ห้องมหารานี โรงแรมเซาท์เทิร์นวิวปัตตานี นายอาซิส เบญหาวัน ประธานสภาที่ปรึกษาการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เรียกประธานและเลขานุการคณะกรรมการประจำสภาที่ปรึกษาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 9 คณะ จำนวน 25 คน กรณีเร่งด่วน กรณีที่ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กำลังสร้างปัญหา ทั้งคดีซ้อมผู้ถูกกล่าวหาที่จังหวัดนราธิวาส, กรณีที่ทหารพรานยิงชาวบ้าน 4 ศพ ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี, กรณีทหารเกณฑ์ล่วงละเมิดทางเพศสาวมุสลิมอายุ 16 ปี และถ่ายคลิบเผยแพร่ที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า ทั้ง 3 เหตุการณ์ ส่งผลกระทบต่อ กอ.รมน.ภาค 4 ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีความเกลียดชัง ขาดความเชื่อมั่นและเชื่อถือ และไม่ให้ความร่วมมือกับงานด้านมวลชนในการร่วมกันแก้ปัญหาความสงบสุข เป็นช่องว่างที่ให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายในพื้นที่อ้างและขยายผลทำลายมวลชนว่ากองทัพไม่สามารถดูแลได้ แต่กลับสร้างปัญหา ทำให้มีเหตุผลมากขึ้น การเอาทหารออกไป ถ้าไม่มีทหารก็ไม่มีเหตุการณ์ นอกจากนั้นจะกระทบต่อหน่วยงานรัฐอื่นๆ อีกด้วย
สภาฯได้มีการถกปัญหาดังกล่าวทั้ง 3 เรื่องอย่างเคร่งเครียด จึงเห็นว่า ถ้าปล่อยเรื่องนี้โดยไม่มีการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และส่งผลกระทบต่อการทำงานในการที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาตวามไม่ปลอดภัยให้เกิดความสงบสันติสุขได้
สรุปว่า กรณีปัญหาซ้อมผู้ถูกกล่าวหา ที่ จ.นราธิวาส มีการดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว ส่วนคดีทหารพรานยิง 4 ศพนั้น ทำหนังสือถึงเลขาธิการ ศอ.บค.ให้จัดส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนในเชิงลึก แต่ไม่กระทบกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของกองทัพภาคที่ 4 และคณะพนักงานสอบสวนของผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงด้วย
ส่วนปัญหาทหารเกณฑ์ข่มขืนสาว 16 ที่ปัตตานีนั้น เป็นปัญหาสำคัญและใหญ่ ที่กระทบคนในพื้นที่มากที่สุด หลังจากที่มีการย้ายฐาน, การดำเนินคดีแล้วต้องร่วมกันแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นจะต้องหาคนกลางในการประสานมอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัว และสาว 16 ปีที่เสียหาย ตามความเหมาะสมอย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกัน จะต้องประสานกับโรงเรียนที่เรียนอยู่ สามารถเรียนต่อได้ ส่วนการสอบปลายภาคก็ควรให้สอบได้คือสอบคนเดียว แต่ถ้าโรงเรียนปฏิเสธก็ต้องหาโรงเรียนอื่น เพื่ออนาคตของเด็ก
ส่วนระยะยาวก็ต้องดำเนินการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เพราะกำลังทหารยังคงอยู่ในพื้นที่อีกยาวนาน จะต้องให้ กองทัพภาคที่ 4 เข้มงวดและ ป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำๆซาก
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้ถกประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นเริ่มบานปลายเป็นปัญหาสังคม โดยเฉพาะนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล ได้กล่าวถึงปัญหาชู้สาว สาวมุสลิมในพื้นที่มีปัญหาเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี มีปัญหาท้องมากมายกับผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่มีลูกแต่ไม่มีพ่อ ไม่มีอาชีพ ถูกสังคมครหาโดยเฉพาะจังหวัดนราธิวาสอยู่อันดับ 1 ทำให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต้องมาช่วยเหลือเป็นภาระ เป็นปัญหาสังคมที่น่าเป็นห่วง เป็นการทำลายสังคม ทำลายสถาบันครอบครัวทำลายด้านศาสนา นอกเหนือจากองค์กรของรัฐที่ต้องออกมาดำเนินการแล้ว
ส่วนประเด็นเพิ่มเติม คือ ปัญหานายหน้าเยียวยา 7.5 ล้าน ให้หยุดพูด เพราะรายละเอียดไม่ชัดเจน ใครตรวจสอบพบว่ามีนายหน้า ให้จดรายชื่อแจ้งดีเอสไอดำเนินการจับกุมทันที จึงขอรัยกร้องให้องค์กรทางด้านศาสนา เช่นผู้นำศาสนา รวมทั้งภาคประชาชนต้องมีส่วนร่วมอย่างมากในการที่มีส่วนร่วมกับรัฐในการแก้ปัญหาเช่นนี้ ผู้นำศาสนาจะนิ่งเฉยไม่ได้แล้ว เพราะมีความเข้าใจมีความรู้ลึกซึ้งกว่า
ดังนั้น ที่ประชุม ให้มีการสรุปและนำปัญหาและข้อเสนอต่างๆ เสนอต่อสภาที่ปรึกษาการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสรุปเสนอต่อเลขาธิการ ศอ.บต. และ กอ.รมน.ภาค 4 ดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด