“พระวัดท่าม่วง” ใจบุญเปิดวัดรักษาผู้ป่วยด้วยยาสมุนไพรสัปดาห์ละกว่า 4 พันคน

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “พระสงฆ์วัดท่าม่วง” ใจบุญเปิดวัดช่วยรักษาผู้ป่วยด้วยยาสมุนไพรฟรีทุกวันอาทิตย์ ทั้งมะเร็ง อัมพฤกษ์ อัมพาต เบาหวาน ภูมิแพ้ และกระดูกทับเส้น มีผู้คนทั่วทุกสารทิศทั้งพุทธ มุสลิม และชาวต่างชาติมาต่อคิวรักษาครั้งละกว่า 4 พันคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดท่าม่วง หมู่ 4 บ้านอ่าวทึง ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา มีชาวบ้านที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ทั้งมะเร็ง อัมพฤกษ์ อัมพาต เบาหวาน ภูมิแพ้ และกระดูกทับเส้น จำนวนมากพากันเข้ารับการรักษากับพระครูประดิษฐ์ภัทรคุณ เจ้าอาวาสวัดท่าม่วง ที่เปิดกุฎิรักษาผู้ป่วยด้วยยาสมุนไพร และรักษาฟรีไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่จะเปิดรักษาสัปดาห์ละครั้งเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น

โดยแต่ละสัปดาห์จะมีผู้ป่วยมาต่อคิวเข้ารับการรักษา 4,000-5,000 คน ทั้งในพื้นที่ภาคใต้ ภาคกลาง และชาวต่างชาติ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ ทั้งชาวพุทธและชาวมุสลิม บางรายเป็นชาวต่างชาติป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ลงทุนเดินทางมาจากบังคลาเทศเพื่อมารักษา โดยพระครูประดิษฐ์ภัทรคุณต้องเปิดรักษาตั้งแต่ตี 5 จนถึง 4 ทุ่ม เพื่อให้ทันกับจำนวนผู้ป่วยที่มาเฝ้ารอ แม้ต้องฉันอาหารเพียงมื้อเดียว

จากการสอบถาม พระครูประดิษฐ์ภัทรคุณ เปิดเผยว่า ได้ผ่านการอบอบรมภาคปฏิบัติการทำยาสมุนไพรจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อปี 2553 และเริ่มต้นจากการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มาขอให้รักษาปรากฏว่าอาการดีขึ้น จากนั้นได้มีญาติโยมที่เจ็บป่วยจากโรคภัยต่างๆ โดยเฉพาะมะเร็ง อัมพฤกษ์ อัมพาต เบาหวาน ภูมิแพ้ และกระดูกทับเส้น ทยอยมารักษาอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเปิดรักษามาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว ทั้งนี้ ในแต่ละอาทิตย์จะมียอดผู้ป่วยสูงถึง 4,000 - 5,000 คน

พระครูประดิษฐ์ภัทรคุณ บอกถึงวิธีการรักษาว่า ทุกโรคจะมี 3 ขั้นตอน โดยขั้นตอนที่ 1 และ 2 จะให้ยาปรับธาตุไปกิน โดยมีพระลูกวัดสองคนคอยช่วยจัดยาให้ ส่วนขั้นตอนที่ 3 จะเข้าตรวจกับตนเพื่อซักถามอาการ รวมทั้งจัดยาผงและยาเม็ดให้ไปกินตามอาการ แต่ละโรคจะกินยาประมาณ 3 อาทิตย์ หากหายก็จบแต่หากไม่หายก็ให้มารับยาต่อเนื่องได้ทุกวัน แต่ส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้น บางรายเป็นอัมพฤกษ์เดินไม่ได้มาหลายปี เมื่อมารักษาและกินอย่าต่อเนื่องภายใน 4 อาทิตย์ก็กลับมาเดินได้และมากราบด้วยน้ำตา ซึ่งตนก็ภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือให้ผู้คนพ้นทุกข์

 
พระครูประดิษฐ์ภัทรคุณ กล่าวว่า การรักษาจะห้ามไม่ให้มีการเรียกร้องเงินอย่างเด็ดขาด แต่จะให้ญาติโยมบริจาคตามจิตศรัทธา เนื่องจากเห็นใจชาวบ้านที่เจ็บป่วยต้องเดินทางมาไกล และบางรายต้องมานอนค้างคืน บ้างก็เดินทางมาตอนตีสองตีสามเพื่อรอการรักษา แม้สิ่งที่ตนทำจะไม่ใช่กิจของสงฆ์และเหนื่อยเพราะต้องนั่งตั้งแต่จนเช้าเกือบเที่ยงคืน แต่เมื่อเห็นสภาพญาติโยมที่ป่วยและหวังพึ่งก็จำเป็นต้องทำ เพราะเมื่อเห็นผู้ป่วยอาการดีขึ้นก็ดีใจ

 
ขณะนี้มีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงมาคอยช่วย เพราะผู้ป่วยมีมาก ยาสมุนไพรจากปกติที่ออกหาเอง ตอนนี้ต้องซื้อจากร้านยาเพราะไม่เพียงพอ ทั้งนี้ พระครูประดิษฐ์ภัทรคุณ เปิดเผยอีกว่า ต่อไปจะเขียนตำรารักษาโรคต่างๆ ด้วยสมุนไพรขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายให้ผู้ป่วยนำไปรักษาด้วยตัวเอง และตนจะกลับมาเป็นพระอย่างสมบูรณ์

นางตาเมาะ สาแม อายุ 38 ปี มุสลิมจาก อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี กล่าวว่า ทราบข่าวจากเพื่อนบ้านชาวพุทธที่นำญาติมารักษาโรคต่างๆ โดยกินยาสมุนไพรของที่วัดแล้วอาการดีขึ้น บางคนก็หายขาดจากโรค จึงได้ขอช่วยให้เพื่อนบ้านนำตนเองและญาติๆ มาที่วัดเพื่อรักษา ตนเองเป็นโรคไข้ทับระดู คือจะมีอาการป่วยเมื่อยอย่างหนักเวลามีประจำเดือน ทำให้ไม่สามารถทำงานต่างๆ ได้ หลังจากที่ได้รับยาสมุนไพรของพระที่วัดมากินได้ 2 สัปดาห์ อาการดีขึ้นมาก แม้จะยังไม่หายขาด แต่ลดอาการป่วยเมื่อยไปได้มาก จนเกือบปกติ เชื่อว่าหากกินยาและปฏิบัติตามที่พระท่านบอกอาการก็จะหายขาดได้

 
ขณะเดียวกัน นางแมะเซาะ มิเซ็ง อายุ 59 ปี มุสลิมจาก อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส กล่าวว่า ตนเองเป็นโรคเบาหวาน รักษามาหลายแห่งแล้ว อาการไม่ค่อยจะดีขึ้น อีกทั้งตนเองไม่ใช่คนร่ำรวย จะไปรักษาโรงพยาบาลแพงเหมือนคนอื่นก็ไม่มีเงิน จนทราบข่าวว่ามีพระที่วัดท่าม่วง มียาสมุนไพร รักษาอาการโรคเบาหวานได้ อีกทั้งมีคนที่รู้จักเคยไปมารักษาที่วัดแล้ว อาการดีขึ้น จึงเดินทางมากับญาติที่อยู่ จ.ปัตตานี เพื่อมารักษาและรับยา ครั้งนี้เป็นการมาสัปดาห์ที่ 3 ซึ่งเป็นการมารับยารอบสุดท้ายแล้ว อาการโรคเบาหวานดีขึ้น ที่สำคัญการรักษากับที่วัดไม่ได้คิดเงิน เพียงแต่ใครจะบริจาคเท่าไหร่ก็ได้

 
เช่นเดียวกับตำรวจรายหนึ่งในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ที่ได้พาแม่วัย 70 กว่าปี เดินทางมารักษาโรคเบาหวานและความดัน กล่าวว่า ทราบข่าวจากญาติที่อยู่ในพื้นที่ อ.ควนเนียง ว่าที่วัดท่าม่วงมีพระแจกยาสมุนไพรรักษาโรคต่างๆ และคนที่ไปรักษาก็มีทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ แล้วอาการของโรคต่างๆ ดีขึ้น จึงได้นำมาซึ่งป่วยมารักษา ตั้งแต่มารับยาสมุนไพรที่วัดและปฏิบัติตามที่พระท่านบอกกำกับในเรื่องการกินอาหาร อาการของแม่ดีขึ้น ตามลำดับ

 
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่านอกเหนือจากจะช่วยผู้ป่วยแล้ว จากปริมาณผู้ที่เข้ารักษามีจำนวนมากทำให้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเปิดร้านจำหน่ายอาหารการกินในละแวกวัดเพื่อบริการทั้งญาติและผู้ป่วยที่มารอรักษาในแต่ละสัปดาห์ด้วย