ยะลา - ผู้นำศาสนาเรียกร้องให้ทหารออกมารับผิดชอบต่อสังคม กรณีพลทหาร 3 นายกระทำชำเราสาว 16 แนะทุกฝ่ายตรวจสอบการทำผิดประเวณีนี้เพราะเป็นประะเด็นอ่อนไหวในพื้นที่ จชต. ระบุ 3 ทหารต้องออกมาพูดความจริง ทั้งยังติงวัยรุ่นตั้งใจเรียน อย่าหมกมุ่นในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ
กรณีพลทหารวินัย กลางวิชัย พร้อมเพื่อนทหาร รวม 3 คน ซึ่งเป็นกำลังพลของ ฉก.ปัตตานี 21 ซึ่งได้ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่ อบต.ระแว้ง บ้านจาแบปะ หมู่ที่ 4 ต.ระแว้ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้กระทำการพรากผู้เยาว์ หญิงสาวอายุ 16 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านจาแบปะ ต.ระแว้ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 12 พ.ย.54 ที่ผ่านมา นั้น
นายนิมุ มะกาเจ ผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดยะลา และอดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า หลังจากได้รับข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ตนรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเหตุการณ์ที่กระทบจิตใจชาวบ้านในเรื่องของการผิดประเวณี หรือ การซีนา ในลักษณะที่เป็นการรุมทำร้ายทางประเวณี และ การล่อลวงซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดอย่างรุนแรงในหลักการของศาสนาอิสลาม อย่างไรก็ตามตนเองขอให้ทุกฝ่ายได้มีการตรวจสอบของเหตุการณ์ว่าเป็นมาอย่างไร
ผู้เสียหายเป็นเด็กนักเรียน ซึ่งมีอนาคตไกล แต่ก็ต้องดูพฤติกรรมของเด็กๆ ด้วยว่ามีพฤติกรรมเป็นเช่นไร ตนอยากให้พลทหารทั้ง 3 คน มารับสารภาพ พูดถึงเหตุการณ์จริงๆ ว่าเป็นอย่างไร ทำไมถึงเกิดเรื่องราวในลักษณะอย่างนี้ขึ้นได้ ซึ่งมีทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยว 3 ต่อ 1 ซึ่งหน่วยที่กระทบมากที่สุดคือ ผบ.ฉก. เหล่านั้น ต้องออกมารับผิดชอบ ที่ทหารในบังคับบัญชา ไปกระทำผิด และ ผิดวินัยอย่างร้ายแรงด้วย รวมทั้งกองทัพภาคที่ 4
ส่วนแม่ทัพภาคที่ 4 เอง ก็ต้องมีส่วนในการรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย แต่ในมูลของความผิดนั้น ในการที่จะชดเชยความผิด ก็ต้องตกลงในความผิดเหล่านั้น ว่าจะให้ทำกันย่างไร ซึ่งประการแรกก็ต้องยอมรับก่อนว่าผิดจริง ทราบว่าขณะนี้มีการลงโทษพลทหารที่ก่อเหตุไปแล้ว ในลักษณะของการจำขัง เป็นเวลา 30 วัน ต่อไปก็จะมีการดำเนินการทางวินัย และทางกฎหมาย ก็ต้องเอาผิดอย่างถึงที่สุด
ส่วนในประเด็นอื่นๆ นั้น ก็ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลให้มีความชัดเจน เพราะเท่าที่ตนเองได้ทราบข้อมูลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีประเด็นที่สำคัญ ที่ตนเองรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง คือ เจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร หรือ ฝ่ายปกครอง ยอมรับในศาสนาอิสลาม เพียงเพื่อประการเดียว คือ การไปแต่งงานกับลูกสาวชาวบ้านที่เป็นมุสลิมเมื่อแต่งงานกันไปแล้ว อยู่ได้สักระยะหนึ่งก็เลิกรากันไป ในลักษณะอย่างนี้ถือว่าเป็นการหลอกลวงอย่างชัดเจน ซึ่งตนเองไม่อยากให้เกิดกรณีลักษณะอย่างนี้ขึ้นในพื้นที่ภาคใต้
ผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดยะลา และอดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา ยังกล่าวอีกว่า เด็กนักเรียน หรือ นักศึกษา ในพื้นที่ ถ้าหากว่าไม่ยุ่งเกี่ยวในทางรักๆ ใคร่ๆ ตั้งใจเรียนโดยตรง ไม่ส่งสายตา ไปสานสัมพันธ์ ไม่เปิดทางให้ ก็คงไม่เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น ตนเองอยากจะให้นักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งหลายอยู่ในวัยของการเรียนรู้อย่างแท้จริง ยิ่งเป็นโรงเรียนสอนศาสนาแล้ว เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะต้องมุ่งไปสู่ภาคีรัฐให้มากที่สุด