ยะลา - เลขาธิการ ศอ.บต. สั่ง ผวจ.ประกบนายหน้าที่ออกข่มขู่ญาติผู้เสียชีวิตในสถานการณ์ใต้ หากพบลงโทษเด็ดขาด ส่วนประธานคณะกรรมการอิสลามปัตตานี เรียกร้องให้ญาติผู้ได้รับการเยียวยาฟังคณะกรรมการเยียวยาเท่านั้น
ความคืบหน้ากรณีที่มีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เดินสายออกไปเรียกร้องส่วนแบ่งจากญาติผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ หลังจากทราบข่าวว่า รัฐบาลจะให้การเยียวยาเป็นวงเงินรายละ 7.5 ล้านบาท สร้างความหวาดผวากับผู้ที่เข้าข่ายได้รับการเยียวยาเป็นอย่างมาก ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต.เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดใน 3 จังหวัด ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และจังหวัดสงขลา ให้ตรวจสอบและทำความเข้าใจ เพราะเจตนาของการเยียวยาทางรัฐบาลมีความจริงใจจัดช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จากผู้ได้รับผลกระทบทุกคนให้ได้รับการดูแลมีคุณภาพชีวิตอย่างเหมาะสม ทางทั้งด้านจิตใจ
กรณีที่อาจเข้าใจคาดเคลื่อน บ้างเข้าใจว่าผู้เสียชีวิตจะได้ 7.5 ล้าน ขอเรียนว่ากรณีที่จะมีการเยียวยา มีเกณฑ์ในการช่วยเหลือตามแนวทางการเมืองที่วางไว้ กรณีเฉพาะบางกรณีที่เห็นว่า เป็นการคุ้มครองสิทธิ์หรือเป็นเหตุการณ์ที่คั่งคาใจ ได้แก่เหตุการณ์ตากใบ, กรณี 28 เมษายนผู้ได้รับการเยียวยามิได้เป็นผู้กระทำความผิด เช่นมีการออกมาฆ่าเจ้าหน้าที่ และต้องดูว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่
ซึ่งขณะนี้ก็มีการพิจารณาอยู่ 2 เหตุการณ์ คือ เหตุ 28 เมษายน กรณีเกิดเหตุที่กรือแซะ จ.ปัตตานี และ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ยังมีเหตุการณ์บางเหตุการณ์ที่เห็นว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งจะมีคณะกรรมการดูแล หรือ กรณีเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถคุ้มครองสิทธิ์ได้ เช่นกรณี ไอร์ปาแย กับกรณีมีการจับตัวครูจูหลิง ที่บ้านตันหยงลิมอ เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปช่วยไม่ได้ ในเกณฑ์นี้จะเข้าไปช่วยเหลือไม่เกิน 7.5 ล้านบาท แต่ต้องดูว่าที่ผ่านมาได้มีการช่วยเหลือไปแล้วเป็นจำนวนเท่าไร ส่วนเงิน 7.5 ล้าน จะมีหลักเกณฑ์การจ่ายตามแนวที่รัฐบาลได้วางไว้
ส่วนการเยียวยากลุ่มข้าราชการครู ตำรวจ ทหาร ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะผู้พิการ ขณะนี้ได้ให้ทุกส่วนราชการไปหารือหาข้อยุติร่วมกัน ว่าจะต้องดูแลกันอย่างไร เงินที่นำมาเยียวยานั้นเป็นเงินภาษีของประชาชน การเยียวยาเพื่อไม่ทอดทิ้งเขาออกจากสังคม เพื่อจะดูแลให้กับคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่มีคับแค้นหรือไม่เข้าใจรัฐบาล
ประการสุดท้ายที่สำคัญคือการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำทุกคนมาสู่การพัฒนา ในส่วนที่มีข่าวว่ามีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้าไปข่มขู่ เรียกร้องส่วนแบ่งจากญาติผู้ได้รับผลกระทบนั้น ทำให้ชาวบ้านไม่เข้าใจ ซึ่งเกณฑ์ต่างๆ ยังไม่ออก และคณะกรรมการพิจารณาด้วยความรอบคอบ ต้องให้คณะกรรมการประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ พิจารณาเสร็จ ต้องนำเข้าการพิจารณาของ ครม. เมื่อออกเป็นหลักเกณฑ์แล้ว คณะกรรมการต้องมาดูแล โดยเฉพาะคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัด โดยจะจ่ายเงินผ่านนายหน้าหรือผ่านใครทั้งสิ้น ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างใกล้ชิดกันต่อไป
ทางด้านนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการอิสลาม และคณะกรรมการ ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก ศอ.บต. ได้ลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนแล้ว โดยขอให้ผู้ที่ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล ไม่ต้องไปฟังใครทั้งสิ้น ขอให้ฟังจากคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ทุกคนมีความเข้าใจแล้ว คงไม่น่าจะมีปัญหาในการข่มขู่และรีดไถจากผู้ไม่หวังดีอย่างแน่นอน
ความคืบหน้ากรณีที่มีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เดินสายออกไปเรียกร้องส่วนแบ่งจากญาติผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ หลังจากทราบข่าวว่า รัฐบาลจะให้การเยียวยาเป็นวงเงินรายละ 7.5 ล้านบาท สร้างความหวาดผวากับผู้ที่เข้าข่ายได้รับการเยียวยาเป็นอย่างมาก ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต.เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดใน 3 จังหวัด ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และจังหวัดสงขลา ให้ตรวจสอบและทำความเข้าใจ เพราะเจตนาของการเยียวยาทางรัฐบาลมีความจริงใจจัดช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จากผู้ได้รับผลกระทบทุกคนให้ได้รับการดูแลมีคุณภาพชีวิตอย่างเหมาะสม ทางทั้งด้านจิตใจ
กรณีที่อาจเข้าใจคาดเคลื่อน บ้างเข้าใจว่าผู้เสียชีวิตจะได้ 7.5 ล้าน ขอเรียนว่ากรณีที่จะมีการเยียวยา มีเกณฑ์ในการช่วยเหลือตามแนวทางการเมืองที่วางไว้ กรณีเฉพาะบางกรณีที่เห็นว่า เป็นการคุ้มครองสิทธิ์หรือเป็นเหตุการณ์ที่คั่งคาใจ ได้แก่เหตุการณ์ตากใบ, กรณี 28 เมษายนผู้ได้รับการเยียวยามิได้เป็นผู้กระทำความผิด เช่นมีการออกมาฆ่าเจ้าหน้าที่ และต้องดูว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่
ซึ่งขณะนี้ก็มีการพิจารณาอยู่ 2 เหตุการณ์ คือ เหตุ 28 เมษายน กรณีเกิดเหตุที่กรือแซะ จ.ปัตตานี และ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ยังมีเหตุการณ์บางเหตุการณ์ที่เห็นว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งจะมีคณะกรรมการดูแล หรือ กรณีเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถคุ้มครองสิทธิ์ได้ เช่นกรณี ไอร์ปาแย กับกรณีมีการจับตัวครูจูหลิง ที่บ้านตันหยงลิมอ เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปช่วยไม่ได้ ในเกณฑ์นี้จะเข้าไปช่วยเหลือไม่เกิน 7.5 ล้านบาท แต่ต้องดูว่าที่ผ่านมาได้มีการช่วยเหลือไปแล้วเป็นจำนวนเท่าไร ส่วนเงิน 7.5 ล้าน จะมีหลักเกณฑ์การจ่ายตามแนวที่รัฐบาลได้วางไว้
ส่วนการเยียวยากลุ่มข้าราชการครู ตำรวจ ทหาร ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะผู้พิการ ขณะนี้ได้ให้ทุกส่วนราชการไปหารือหาข้อยุติร่วมกัน ว่าจะต้องดูแลกันอย่างไร เงินที่นำมาเยียวยานั้นเป็นเงินภาษีของประชาชน การเยียวยาเพื่อไม่ทอดทิ้งเขาออกจากสังคม เพื่อจะดูแลให้กับคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่มีคับแค้นหรือไม่เข้าใจรัฐบาล
ประการสุดท้ายที่สำคัญคือการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำทุกคนมาสู่การพัฒนา ในส่วนที่มีข่าวว่ามีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้าไปข่มขู่ เรียกร้องส่วนแบ่งจากญาติผู้ได้รับผลกระทบนั้น ทำให้ชาวบ้านไม่เข้าใจ ซึ่งเกณฑ์ต่างๆ ยังไม่ออก และคณะกรรมการพิจารณาด้วยความรอบคอบ ต้องให้คณะกรรมการประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ พิจารณาเสร็จ ต้องนำเข้าการพิจารณาของ ครม. เมื่อออกเป็นหลักเกณฑ์แล้ว คณะกรรมการต้องมาดูแล โดยเฉพาะคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัด โดยจะจ่ายเงินผ่านนายหน้าหรือผ่านใครทั้งสิ้น ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างใกล้ชิดกันต่อไป
ทางด้านนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการอิสลาม และคณะกรรมการ ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก ศอ.บต. ได้ลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนแล้ว โดยขอให้ผู้ที่ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล ไม่ต้องไปฟังใครทั้งสิ้น ขอให้ฟังจากคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ทุกคนมีความเข้าใจแล้ว คงไม่น่าจะมีปัญหาในการข่มขู่และรีดไถจากผู้ไม่หวังดีอย่างแน่นอน
