สตูล - คณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ลงตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี จนท.รื้อถอนอาสินชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะ พร้อมฟันธงว่าชาวเลครอบครองที่ดินดังกล่าวมาร่วม 200 ปี ก่อนอุทยานฯจะประกาศเขตครอบครอง
วันนี้ (10 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. คณะกรรมาธิการ การกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษย์ สภาผู้แทนราษฎร์ นำโดย นายวิรัตน์ กัลยาศิริ รองประธานคณะกรรมาธิการฯ พร้อมคณะ 10 คน เดินทางลงพื้นที่ จ.สตูล เพื่อรับฟังข้อเท็จจริง กรณีชาวบ้านบนเกาะหลีเป๊ะ ร้องเรียนว่าทหารเรือ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตาเข้าบุกรุกทำลาย และรื้อถอนอาสินของชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะ ที่บริเวณพื้นที่หมู่ 7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล โดยมี นายพิศาล ทองเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดให้การต้อนรับที่ศาลากลางจังหวัด พร้อมรับชมการบรรยายสรุปของจังหวัด ก่อนจะนำคณะเดินทางลงเกาะหลีเป๊ะ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ระหว่างวันที่ 10-12 ก.พ.2555 นี้
โดย นายวิรัตน์ กัลยาศิริ รองประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า ปัญหาบนเกาะหลีเป๊ะต้องยอมรับว่า ชาวบ้านได้อาศัยอยู่มาก่อนสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อประมาณ 150 ปีที่แล้ว และเมื่อปี 2517 จู่ๆ อุทยานฯ ได้มีการประกาศขีดเส้นเขตครอบครองให้เป็นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา แต่ด้วยความเป็นจริงแล้ว ในมาตรา 6(2) ที่ครอบครองของอุทยานฯจะต้องไม่ใช่ที่ดินกรรมสิทธิ์ หรือครอบครองโดยชอบ เมื่อชาวบ้านจะมี สค.หรือไม่ ไม่ใช่ปัญหา เพราะชาวบ้านบนเกาะหลีเป๊ะได้อาศัยอยู่มานานเกือบ 200 ปี ได้ปลูกผลหมากรากไม้เต็มผืนเกาะ และยังมั่นใจว่าประชาชนได้ครอบครองโดยชอบธรรม โดยอุทยานฯ ไม่มีสิทธิ์
นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า การลงมาศึกษาดูงาน และตรวจสอบข้อเท็จจริงในครั้งนี้ของคณะกรรมาธิการกฎหมาย และยุติธรรมและสิทธิมนุษย์ชน สภาผู้แทนราษฎร์ในครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 10-12 ก.พ.ที่เกาะหลีเป๊ะ จะมาดำเนินการสรุปปัญหาที่ค้างคาให้หยุดติลงให้ได้ และให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ พร้อมเคารพสิทธิกันและกัน แต่หากมีการตั้งแง่กัน คงต้องใช้อำนาจทางกฎหมายโดยศาลสูงสุดจะเป็นผู้ชี้ขาดว่าใครผิดหรือถูก ซึ่งขณะนี้ต้องถือว่าทุกคนบริสุทธิ์