ตรัง - ผบ.คุกตรังรับชนวนเหตุ นช.แดน 2 ก่อหวอดประท้วงเผาเรือนจำ มีเกลือเป็นหนอนปากโป้งคาบข่าวย้ายนักโทษคดียาเสพติดไปเรือนจำเขาบิน เผยหัวโจก 107 คน ที่สั่งย้ายไปพัทลุง-นครฯ-สงขลา เป็นแค่มือปืนรับจ้าง ส่วนตัวบงการยังฝังตัวเป็นคลื่นใต้น้ำอยู่ สั่งเฝ้าจับตาเป็นพิเศษหวั่นก่อม็อบอีก
วันนี้ (8 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุมเรือนจำ จ.ตรัง นายกฤษณ์ วงษ์เวช ผู้บัญชาการเรือนจำ จ.ตรัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กว่า 10 คน ร่วมประชุมพิจารณาข้อเรียกร้องทั้ง 8 ข้อที่กลุ่มนักโทษชาย แดนควบคุม 2 เรียกร้องให้ทางเรือนจำ จ.ตรังพิจารณา ประกอบด้วย
1.เรื่องญาติเยี่ยม ที่กำหนดให้เข้าเยี่ยมได้สัปดาห์ละ 2 วัน จากเดิมจัดให้เยี่ยมได้ทุกวัน แต่เนื่องทางกรมราชทัณฑ์ มีระเบียบกำหนดตั้งแต่ 1 มี.ค.55 เป็นต้นไป ญาติสามารถเยี่ยมผู้ต้องขังในแดน 1 และแดน 2 ได้ 2 วัน และแดนหญิงทุกวันๆ ละ 2 รอบ เนื่องจากที่ผ่านมาญาติที่มาเยี่ยมแต่ละวันในปัจจุบัน มีจำนวนมากเกินกว่าที่ทางเรือนจำจะเปิดให้เยี่ยมได้ครั้งละ 16 คน จึงต้องมีการจัดระเบียบใหม่เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ เพราะที่ผ่านมามักจะมีญาติแอบนำยาเสพติดใส่มาในอาหาร จึงทำให้การตรวจตราของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ในปัจจุบันทางเรือนจำยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนไปใช้ระเบียบใหม่ และยังคงเปิดให้เยี่ยมได้ทุกวัน
2.ให้ปรับปรุงน้ำดื่มน้ำใช้ให้สะอาด ซึ่งล่าสุดทางเรือนจำได้ติดตั้งเครื่องกรองน้ำ 2 เครื่อง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 3.ให้ยกเลิกมาตรการลงโทษโดยใช้ความรุนแรง และใช้อารมณ์ของเจ้าหน้าที่เรือนจำ ส่วนการลงโทษให้เป็นไปตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ไม่ให้กระทำเกินกว่าเหตุแล้ว 4.ให้เรือนจำเปิดรับพัสดุเหมือนเดิม หลังมีการงดรับพัสดุ ซึ่งเป็นนโยบายและระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ให้งดทั่วประเทศ และถือปฏิบัติทั่วประเทศ
5.ให้ปรับปรุงแก้ไขสถานพยาบาล เกี่ยวกับการตรวจและจ่ายยาของสถานพยาบาล ซึ่งหลังจากเกิดเหตุได้มีกลุ่มนักโทษได้เข้าไปนำยา ที่จัดซื้อจากเงินงบประมาณงวดสุดท้าย ออกไปทำลายหมด ทำให้ขณะนี้ไม่มียาและเวชภัณฑ์แจกจ่ายให้กับนักโทษ ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้รายงานกรมราชทัณฑ์ ไปแล้ว
6.ให้เปลี่ยนเจ้าหน้าที่ควบคุม จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายสุบิน ธนทรัพย์เกษม นายจรูญ ไทรงาม นายบุญยืน หายสง และนายเก้า หิรัญกาจน์ ภายใน 24 ชม. ซึ่งกรณีของการย้ายเจ้าหน้าที่ดังกล่าว สามารถดำเนินการได้ทันที 7.การทำงานของฝ่ายทัณฑ์ล่าช้า ทำให้สิทธิของผู้ต้องขังที่ควรจะได้รับต้องเสียไป เช่น การลดวันโทษ และพักการลงโทษ ซึ่งหลังจากนี้จะกำชับเร่งรัดฝ่ายทัณฑ์ปฏิบัติให้ดำเนินการโดยเร็ว
และ 8.ให้อย่าปิดกั้นลวดหนามที่อาบน้ำ โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้นำลวดหนามไปกั้น เนื่องจากไม่ต้องการให้นักโทษเข้าไปใช้น้ำในบริเวณดังกล่าว และได้มีการติดตั้งระบบฝักบัวให้แทน เพื่อเป็นการประหยัดน้ำ ซึ่งข้อเรียกร้องทั้ง 8 ข้อ นั้น ในที่ประชุมได้พิจารณาเสร็จแล้ว และจะได้นำมาใช้ปฏิบัติต่อไป
นายกฤษณ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้สถานการณ์ภายในเรือนจำ จ.ตรัง หลังจากมีการก่อเหตุจลาจลประท้วง และต่อมาได้มีการย้ายกลุ่มนักโทษหัวโจก จำนวน 107 คน ซึ่งส่วนใหญ่เคยก่อเหตุในทัณฑสถานวัยหนุ่ม จ.นครศรีธรรมราช มาแล้ว โดยนำออกจากพื้นที่ไปควบคุมยังเรือนจำ จ.สงขลา พัทลุง และนครศรีธรรมราชนั้น เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยดี แต่ก็ยังเชื่อว่าการคัดแยกกลุ่มนักโทษที่ก่อเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแค่มือปืนรับจ้างเท่านั้น และยังคงมีหลงเหลืออยู่
โดยเฉพาะผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร ดังนั้น จึงต้องเพิ่มความเข้มงวดในการจับตาพฤติกรรมเป็นกรณีพิเศษต่อไป เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 คน ที่กลุ่มนักโทษเรียกร้องให้มีการย้ายไปอยู่แดนอื่นนั้น ขณะนี้ยังคงยืนยันจะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป และยังคงมีขวัญและกำลังใจดีอยู่ แต่ก็ได้สั่งให้ระวังตัวเป็นกรณีพิเศษด้วยเช่นเดียวกัน
ส่วนในช่วงที่เกิดเหตุจลาจลนั้น ทางเรือนจำ จ.ตรัง ไม่ได้เปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมนักโทษ เนื่องจากต้องควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้อยู่ในภาวะปกติก่อน และหากให้ญาติเยี่ยมในช่วงดังกล่าว ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้ไม่สะดวก หรือญาติอาจจะไม่ปลอดภัยได้ ทั้งนี้หลังจากเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ทางเรือนจำจะเปิดให้เยี่ยมนักโทษได้ตามปกติ นับตั้งแต่ในวันที่ 9 ก.พ. เป็นต้นไป ตามวันและเวลาราชการ
อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการเรือนจำ จ.ตรัง ยังกล่าวถึงกระแสข่าวงการย้ายนักโทษคดียาเสพติดไปยังเรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี ว่า ก็มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้กลุ่มนักโทษลุกฮือขึ้นมาก่อเหตุจลาจลประท้วง เพราะจากการตรวจสอบพบว่า ต้นเหตุเกิดจากเจ้าหน้าที่ในเรือนจำคนหนึ่ง ได้นำเรื่องดังกล่าวไปบอกให้กับกลุ่มนักโทษทราบ จึงทำให้มีปฏิกิริยาไม่พอใจ และนำไปสู่ชนวนเหตุของการก่อความวุ่นวายในครั้งนี้ ซึ่งหลังจากที่ทราบเรื่อง ตนก็ได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวออกไปแล้ว