xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.เรือนจำตรังแถลงข่าวค้นเรือนจำหลังเกิดเหตุจลาจล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง - เรือนจำตรังสนธิกำลังกว่า 300 นาย เข้าคัดแยกผู้ต้องขังที่ก่อเหตุประท้วงเมื่อวาน ส่งไปคุมขังต่อเรือนจำ พัทลุง สงขลา และนครศรีฯ 107 คน ขณะเดียวกันตรวจค้นเข้มเอกซเรย์ทุกตารางนิ้ว ยึดเหล็กแหลมเพียบ และมือถือยัดรูทวาร 1 เครื่อง

วันนี้ (7 ก.พ.) ที่เรือนจำ จ.ตรัง นายกฤษณ์ วงษ์เวช ผู้บัญชาการเรือนจำ จ.ตรัง ได้แถลงข่าวการสนธิกำลังร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่หน่วยราชทัณฑ์พิเศษจาก จ.ปัตตานี สงขลา พัทลุง สตูล นครศรีธรรมราช ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ตชด.435 ตรัง และ อส.กว่า 300 นาย พร้อมอาวุธปืน และกระบองครบมือ จู่โจมเข้าตรวจค้นเรือนจำ จ.ตรัง โดยเฉพาะที่แดน 2 เพื่อคัดแยกผู้ต้องขังที่เป็นแกนนำก่อเหตุจลาจลประท้วง จุดไฟเผาทำลายสิ่งของเครื่องใช้และห้องพักผู้คุม จนได้รับความเสียหาย และยังขว้างปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บ เมื่อวานที่ผ่านมา

ทั้งนี้ในการคัดแยก ทางเจ้าหน้าที่คาดว่า น่าจะใช้เวลาประมาณครึ่งวัน เนื่องจากผู้ต้องขังในแดน 2 มีจำนวนมากถึง 627 คน โดยแยกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสีเทา ซึ่งเป็นระดับแนวร่วมมีจำนวน 77 คน และกลุ่มสีดำซึ่งเป็นระดับแกนนำหัวรุนแรงจำนวน 30 คน เพื่อส่งไปคุมขังต่อยังทัณฑ์สถานบำบัดพิเศษและเรือนจำกลาง จ.สงขลา จำนวน 35 คน พัทลุง จำนวน 35 คน และนครศรีธรรมราช จำนวน 37 คน รวม 107 คน ท่ามกลางการตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยรอบบริเวณเรือนจำ จ.ตรัง อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายอีกระลอก

นายกฤษณ์ วงษ์เวช ผู้บัญชาการเรือนจำ จ.ตรัง ยังกล่าวเหตุการณ์ที่ผู้ต้องขังชายแดน 2 ก่อเหตุจลาจลประท้วงเมื่อวาน โดยตนได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่เมื่อเวลา 08.00 น.ว่า ขณะที่กำลังควบคุมผู้ต้องขังมารายงานตัวที่หน้าเสาธง เพื่อจะแยกไปฝึกวิชาชีพ ระหว่างนั้นผู้ต้องขังไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของผู้คุม และได้รวมตัวกันก่อเหตุจลาจลประท้วง โดยหาเศษกิ่งไม้มาจุดไฟเผาที่นอนของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งยังใช้ก้อนหินทุบทำลายกระจกและบานเกล็ด โต๊ะ เก้าอี้ ประตูทางเข้าออกระหว่างแดน 1 และ 2 จนได้รับความเสียหาย และนอกจากนั้นยังพยายามทำลายเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับรายชื่อและประวัติของผู้ต้องขังอีกด้วย

ทั้งนี้ ทางเรือนจำได้กันเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นายออกจากพื้นที่ พร้อมทั้งรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังทราบ ต่อมาได้วางแผนร่วมกันและมีข้อสรุปให้กลุ่มผู้ต้องขังส่งตัวแทนเข้าเจรจา ซึ่งได้เรียกร้อง 8 ข้อ ประกอบด้วย 1. เรื่องญาติเยี่ยมที่กำหนดให้เข้าเยี่ยมได้สัปดาห์ละ 2 วันขอให้ยกเลิก ซึ่งเป็นระเบียบและนโยบายของกรมราชทัณฑ์ จะได้นำเสนอขออนุมัติจากกรมราชทัณฑ์ 2. ขอปรับปรุงน้ำดื่มน้ำใช้ให้สะอาด ซึ่งทางเรือนจำรับปากจะติดตั้งเครื่องกรองน้ำ 2 เครื่อง 3. ให้ยกเลิกมาตรการลงโทษโดยใช้ความรุนแรงและใช้อารมณ์ของเจ้าหน้าที่เรือนจำ การลงโทษให้เป็นไปตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเรือนจำ จ.ตรัง จะกำชับให้เจ้าหน้าที่ไม่ให้กระทำเกินกว่าเหตุ,

4. ขอให้เรือนจำเปิดรับพัสดุเหมือนเดิม หลังมีการงดรับพัสดุ เนื่องจากตรวจพบยาบ้าจำนวน 1,400 เม็ด จะเสนอไปยังกรมราชทัณฑ์, 5.ให้ปรับปรุงแก้ไขสถานพยาบาลเกี่ยวกับการตรวจและจ่ายยาของสถานพยาบาล ซึ่งหลังจากเดือน ต.ค.เป็นต้นมา การเบิกจ่ายยามีปัญหา ซึ่งได้ใช้เงินนอกงบประมาณจัดซื้อแล้ว 6. ขอให้เปลี่ยนเจ้าหน้าที่ควบคุมจำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายสุบิน ธนทรัพย์เกษม นายจรูญ ไทรงาม นายบุญยืน หายสง และนายเก้า หิรัญกาญจน์ ภายใน 24 ชม.การย้ายเจ้าหน้าที่ ยินดีปรับย้ายให้ทันที 7. การทำงานของฝ่ายทัณฑ์ล่าช้า ทำให้สิทธิของผู้ต้องขังที่ควรจะได้รับต้องเสียไป เช่น การลดวันรับโทษ และพักการลงโทษ หลังจากนี้จะกำชับเร่งรัดฝ่ายทัณฑ์ปฏิบัติ และ 8. ขออย่าปิดกั้นลวดหนามบริเวณที่ต้องมีกิจประจำ เช่น ที่อาบน้ำ ซึ่งจะพิจารณาตรวจสอบให้เหมาะสมต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่นักโทษขอให้ย้ายนายสุบิน ธนทรัพย์เกษม และเจ้าหน้าที่อีก 3 คน ออกนั้นเป็นการเรียกร้องเกินกว่าเหตุ เพราะเจ้าหน้าทั้งหมดปฏิบัติหน้าที่โดยชอบธรรม และนักโทษที่อยู่ในเรือนจำต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ทางเรือนจำ จ.ตรัง จึงต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะย้ายตัวกลุ่มคนที่สร้างปัญหาออกนอกเรือนจำ

นายกฤษณ์กล่าวต่อไปว่า หลังมีการเจรจารับข้อเสนอของกลุ่มผู้ต้องขังในเวลา 11.20 น.แล้วต่อมาในเวลา 16.00 น.ทางผู้คุมก็ได้ควบคุมผู้ต้องขังขึ้นเรือนนอน แต่ก็ยังมีผู้ต้องขังบางคนพยายามกันไม่ให้ผู้ต้องขังรายอื่นขึ้นเรือนนอนพร้อมกับส่งเสียงโห่ร้อง ทางเจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังชุดควบคุมฝูงชน เจ้าหน้าที่ทัณฑ์สถานเขต 9 ตชด.435 ตรัง กว่า 200 นาย พร้อมโล่และกระบอง เข้ากระชับพื้นที่ เมื่อมีการกดดันเช่นนั้นผู้ต้องขังจึงล็อคประตูเรือนนอนด้านใน เจ้าหน้าที่จึงต้องตัดกุญแจและใช้กุญแจใหม่ล็อกเป็นการควบคุมสถานการณ์ไว้ได้

สำหรับนักโทษที่เป็นแกนนำในการก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นนักโทษในคดีเกี่ยวกับทรัพย์ และคดียาเสพติด อีกทั้งยังเป็นกลุ่มนักโทษที่เคยก่อเหตุประท้วงในทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราชมาแล้ว ทั้งนี้สาเหตุหลักที่ทำให้นักโทษเกิดการรวมตัวกันประท้วง มาจากการที่นักโทษทราบข่าวว่าจะมีการย้ายนักโทษยาเสพติดไปอยู่เรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี ซึ่งเรือนจำเขาบินมีระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวด และเด็ดขาด ทำให้มีการนำกระแสข่าวดังกล่าวมาระดมมวลชนในเรือนจำจนนำมาสู่การก่อเหตุ

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการเรือนจำ จ.ตรัง ยังกล่าวต่อไปว่า หลังจากมีการคัดแยกส่งตัวผู้ต้องขังที่ก่อเหตุแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจค้นยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายอย่างละเอียดทุกตารางนิ้ว โดยจากการตรวจค้นพบเหล็กแหลมซึ่งเป็นเหล็กขูดชาร์ปที่ผู้ต้องขังทำขึ้นมาหลายอัน และยังพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ที่ซุกซ่อนอยู่ในช่องทวารหนักของผู้ต้องหารายหนึ่งด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดเป็นหลักฐาน ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ภายในเรือนจำ จ.ตรัง กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

กำลังโหลดความคิดเห็น