ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ประสงค์ สุ่นศิริ” เผย ศาลจังหวัดตะกั่วป่า ยกฟ้องคดีหมิ่น “ทักษิณ ชินวัตร” ทั้ง 10 คดี ลั่นอีก 2 เดือน เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่โดย ปชช.และทหาร
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่บริเวณที่สนามหญ้าบริเวณหาดในยาง ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายประพันธ์ คูณมี แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่น 2 พร้อมด้วย น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ได้เดินทางพบปะกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดภูเก็ต เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้
โดย นายประพันธ์ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อมาฟังคำพิพากษาคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฟ้อง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ที่ศาลจังหวัดตะกั่วป่า ซึ่งเป็นคดีสุดท้ายจากทั้งหมด 10 คดี ที่ น.ต.ประสงค์ ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ฟ้อง ซึ่งทุกคดีศาลตัดสินยกฟ้องทั้งหมด เพราะเห็นว่าข้อความที่เขียนนั้นไม่ได้มีเจตนาหมิ่นประมาท ซึ่งขณะนี้เรื่องคดีฟ้องร้องระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับ น.ต.ประสงค์ ได้จบลงแล้ว แต่เรื่องคดีชีวิตและคดีบ้านเมือง ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับพันธมิตรฯยังไม่จบจนกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะตายไปจากแผ่นดิน
“ส่วนคดีระหว่างทักษิณ กับบ้านเมืองนั้น ยังไม่จบสิ้น หากทักษิณยังสร้างความปั่นป่วน ทะเยอทะยาน มีความมักใหญ่ใฝ่สูง คิดการใหญ่เปลี่ยนแปลงบ้านเมือง เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ทางพันธมิตรฯก็จะไม่หยุดเช่นกัน” นายประพันธ์ กล่าว
ด้าน น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ฟ้องร้องตนและพวก ทั้งหมด 10 คดี ขณะนี้ได้ยุติลงทั้งหมดแล้ว สำหรับสถานการณ์บ้านเมืองที่ระส่ำระสาย และปั่นป่วนมาเป็นเวลา 3-5 ปี เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ละไม่วาง ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับมาประเทศไทย ซึ่งตนทราบว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีทรัพย์อยู่อีกจำนวนหนึ่ง และมากพอที่จะเอามาใช้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ไม่ให้ตัวเองต้องติดคุก ไม่ให้ต้องถูกยึดทรัพย์ และกลับเข้ามามีอำนาจเหมือนอย่างเก่า
“ขณะนี้แม้ทักษิณจะไม่อยู่ในประเทศ แต่ก็มีตัวแทนที่มีอำนาจอยู่ในบ้านเมืองนี้ พยายามที่จะแก้กฎหมายธรรมนูญ กฎหมายอาญามาตรา 112 และ พยายามที่จะออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม เมื่อถูกต่อต้านก็เปลี่ยนเป็น พ.ร.บ.ปรองดอง คนในรัฐบาลนี้เป็นคนที่ถูกคัดสรรโดยทักษิณทั้งสิ้น มีนายกฯตัวจริง คือ ทักษิณ และรัฐมนตรีแต่ละคนก็ทำเพื่อตัวเองมากกว่าส่วนรวม” น.ต.ประสงค์ กล่าว
น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในอันตราย มีคนทรยศต่อแผ่นดิน และบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เขาต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่มีอะไรเลย เหมือนลาวกับเขมร คนเหล่านี้จึงค่อยๆ รุกคืบเข้ามาตามลำดับ เขากำลังคิดเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้อยู่ในอำนาจของกลุ่มการเมือง และเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประธานาธิบดี ด้วยการพยายามฉีกแนวคิดไปยังประชาชนผ่านทาง ส.ส.แกนนำ วิทยุชุมชน และ ทีวี ซึ่งประชาชนอีก 50-60 ล้านคน ไม่ยอมแน่นอน
“แต่น่าเสียดายที่คนที่มีอำนาจรัฐ กลับอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย ตั้งแต่รัฐบาลสุรยุทธ์, สมัคร, สมชาย จนถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่มีการให้ข้อเท็จจริงกับประชาชน จึงอยากประณามคนที่ไม่จงรักภักดี ส่วนรัฐบาลชุดนี้บอกจงรักภักดี แต่กลับแต่งตั้งคนไม่จงรักภักดีเข้ามาอยู่ในรัฐบาลจำนวนมาก” น.ต.ประสงค์ กล่าวและเสริมอีกว่า
สำหรับเรื่องของพื้นที่ทับซ้อนที่เขาพระวิหารนั้น ถ้าศาลโลกตัดสิน เราไม่ได้เสียพื้นที่แค่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น แต่เราจะเสียพื้นที่ให้กับเขมรถึง 1.7 ล้านไร่ และพื้นที่ในอ่าวไทย 2 หมื่นตารางกิโลเมตร ซึ่งเราไม่ได้เป็นสมาชิกศาลโลก แต่รัฐบาลที่แล้วกลับผลักดันให้ศาลโลกตัดสิน เพื่อที่จะผลักดันไม่ให้ไปเกี่ยวกับ MOU43 ซึ่งผิดพลาดอย่างชัดเจนที่ทำให้เสียดินแดน ซึ่ง MOU43 และ MOU44 ไม่ผ่านรัฐสภา ผิดรัฐธรรมนูญ แต่ที่ผ่านมา นักการเมืองกลับนิ่งเฉย อยู่ดีๆ จะให้ศาลโลกตัดสิน
น.ต.ประสงค์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า ไม่เกิน 2 เดือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย ภายใต้การลุกขึ้นมาของประชาชน และคาดว่า การลุกขึ้นมาในครั้งนี้ประชาชนและกองทัพจะเดินไปด้วยกัน