นครศรีธรรมราช - ชาวเขาน้อยสิชลผวา “จระเข้” หลังพบไข่นำมาต้มปอกกลายเป็นตัวอ่อนในคลองท่าควายชาวบ้านหลายคนเผยเคยเห็นตัวเป็นๆ ผวาไม่ออกหาปลา ไม่กล้าบอกเพื่อนบ้านกลัวไม่เชื่อ โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้เร่งตรวจสอบลุ้นระทึกเป็นการค้นพบจระเข้ธรรมชาติที่ยังหลงเหลือบนเทือกเขาหลวง
เหตุการณ์ชาวบ้านค้นพบไข่จระเข้ริมคลองกลางหุบเขาน้อย เทือกเขาหลวง อ.สิชล นครศรี โดยต่างลุ้นระทึกอาจเป็นการค้นพบครั้งหยิ่งใหญ่จระเข้ธรรมชาติยังมีชีวิตเหลือรอดในนครศรีธรรมราช โดยเหตุการณ์นี้ได้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 12.00 น.ของวันนี้ (20 ม.ค.) นายณรงค์วิทย์ กำลังมาก อายุ 46 ปี อยู่ 40/6 ม.5 ต.เขาน้อย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.เขาน้อย ได้ประสานงานกับ นายวันชัย พงศ์รัตนมงคล ประมงอำเภอ และนายสุริยะ ริยาพันธ์ ปศุสัตว์อำเภอ เพื่อขอความช่วยเหลือตรวจสอบไข่ใบเขื่อง เมื่อนำมาต้มและปอกเปลือกออกแล้วภายในมีตัวอ่อน สงสัยว่าจะเป็นจระเข้ ซึ่งเมื่อนายวันชัย พงศ์รัตนมงคล ประมงอำเภอได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นโดยไข่ดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ถูกต้มจนสุกแล้ว และเนื่องจากบางส่วนได้รับความเสียหายจากการต้มเชื่อว่าเป็นจระเข้เกือบ 100 เปอร์เซ็น
นายณรงค์วิทย์ กำลังมาก อายุ 46 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านเปิดเผยว่าตนพร้อมลูกน้องได้เดินขึ้นไปบนภูเขาน้อยบริเวณคลองท่าควาย ลูกน้องพบโพรงอยู่ใกล้กับตลิ่งโดยมีร่องรอยของน้ำท่วมถึง เห็นเป็นรูลงไปและพบไข่ขนาดใหญ่อยู่รวม 2 ฟองจึงนำลงมาต้ม และเมื่อแกะออกจึงพบว่ามีตัวอ่อนของจระเข้อยู่ภายในจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและเห็นตรงกันว่าเป็นจระเข้ โดยในพื้นที่ดังกล่าวในเป็นเขตเทือกเขาหลวงและอยู่ในที่สูงไม่น่าจะมีใครนำจระเข้มาเลี้ยงแล้วหลุดลงไปในน้ำ เนื่องจากย่านนั้นมีบ้านคนน้อยมาก
ขณะที่นายจรัสชัย อรทัย อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 ม.4 ต.เขาน้อย อ.สิชล ชาวบ้านอีกรายเปิดเผยว่า ตนเคยเห็นจระเข้ที่อยู่ในคลองท่าควายแล้วเมื่อหลายวันก่อน ตัวค่อนข้างใหญ่ในขณะที่กำลังไปหาปลา หลังจากนั้นไม่กล้าหาปลาอีกเลย ขณะเดียวกันก็ไม่กล้าเปิดเผยให้ชาวบ้านทราบเกรงว่าเพื่อนบ้านจะไม่เชื่อแล้วจะกลายเป็นเรื่องตลก
ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่หลายหน่วยได้เข้าตรวจสอบพื้นที่บนภูเขาดังกล่าว พบว่ามีรอยเท้าจระเข้ รอยโพรงและจุดที่พบไข่พบว่าเป็นโพรงคล้ายรังจระเข้แต่ถุกน้ำท่วมถึงและพัดพาจนเสียหายไปมาก ซึ่งคาดว่าไข่จระเข้จะมีมากกว่า 2 ใบแต่ถูกน้ำป่าช่วงน้ำแรงเมื่อสัปดาห์ก่อนพัดพาจนสูญหายไป โดยขณะนี้หลายฝ่ายกำลังตรวจสอบว่าการค้นพบดังกล่าวนั้นจะเป็นการค้นพบจระเข้สายพันธ์ธรรมชาติดั้งเดิมหรือไม่ เนื่องจากมีการยืนยันชัดว่าเห็นตัวแล้วแต่ยังไม่สามารถตรวจสอบสายพันธ์ได้ ขณะเดียวกันเมื่อไข่มีเชื้อและมีตัวอ่อนแสดงว่าในธรรมชาติขณะนี้มีทั้งตัวผู้และตัวเมียอยู่ด้วยกัน
ด้านนายเทิดไทย ขวัญทอง ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการช่วยเหลือสัตว์ป่าในยามวิกฤต สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่แล้ว โดยได้ประสานกับผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยประกาศเตือนชาวบ้านห้ามลงเล่นน้ำหรือหาปลาในคลองท่าควายอย่างเด็ดขาดเป็นการชั่วคราวเนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้
“ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นจระเข้ธรรมชาติที่ยังหลงเหลืออยู่ในธรรมชาติหรือไม่ โดยข้อมูลนั้นพบว่าจระเข้ธรรมชาติในแถบนี้ไม่เคยพบตัวมานานมากแล้วหรืออาจสูญพันธ์ไปแล้ว ซึ่งการวางไข่นั้นแสดงให้เห็นได้ว่ามันคุ้นพื้นที่แล้ว หากเป็นจระเข้ธรรมชาติจริงอายุคงเยอะแล้วเช่นกัน และอีกส่วนอาจเป็นไปได้ว่าเป็นจระเข้ที่อาจหลุดจากเมื่อคราวท่วมใหญ่ปี 2554 แล้วมาอยู่ในธรรมชาติ ซึ่งจะต้องตรวจสอบอีกครั้งและขอฝากว่าหากเห็นตัวอย่าทำอันตรายจระเข้ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการซึ่งหากเป็นจระเข้สายพันธ์ธรรมชาติจะถือว่าเป็นการค้นพบทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ และจะต้องช่วยกันรักษาและอนุรักษ์สายพันธ์ไว้” หัวหน้าชุดปฏิบัติการช่วยเหลือสัตว์ป่าในยามวิกฤตกล่าว