ศรีสะเกษ - ชาวศรีสะเกษ ผวาหลังพบจระเข้น้ำจืดตัวขนาดใหญ่ ใน “ลำห้วยตาจู” เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งขวาห้วยศาลา อ.ขุนหาญ ติดชายแดนไทย-เขมร จนท.ผู้เชี่ยวชาญรุดตรวจสอบ
วันนี้ (27 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ นายชัชวาล อินทุมาร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก ได้รับแจ้งจาก นายยันต์ ศรีมงคล อายุ 49 ปี ชาวบ้านกันตรวจ หมู่ 1 ต.ห้วยจันทร์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ว่าขณะที่นั่งเรือออกไปหาปลาบริเวณลำห้วยตาจู ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งขวาห้วยศาลา ท้องที่ ต.กันทรอม อ.ขุนหาญ แล้วพบเห็นจระเข้น้ำจืดขนาดใหญ่ คลานลงจากริมฝั่งห้วยตาจู จึงได้แจ้งให้ผู้นำหมู่บ้านทราบ และได้ประสานมายังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก จากนั้นทางเขตได้รายงานให้สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทราบและได้จัดให้เจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญเข้าสำรวจรอยเท้า ว่า มีจระเข้น้ำจืด ตามที่ชาวบ้านระบุหรือไม่
หลังจากได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ศก.1 จึงได้ร่วมกันเข้าไปตรวจบริเวณพื้นที่ที่ได้รับแจ้ง และได้พบร่องรอยที่คาดว่าน่าจะเป็นจระเข้น้ำจืดจริง บริเวณริมฝั่งลำห้วยตาจู ซึ่งจากการวัดช่วงความยาวรอยเท้าหน้าถึงเท้าหลังยาวประมาณ 56 เซนติเมตร (ซม.) และคาดว่า ความยาวของลำตัวจากหัวถึงปลายหางน่าจะไม่ต่ำกว่า 220 ซม.(2.20 เมตร) ลำตัวกว้างประมาณ 20-25 ซม.ขนาดรอยเท้า กว้าง 11 ซม.ยาว 10 ซม.
โดยแหล่งที่พบรอยเท้าสัตว์ที่คาดว่าจะเป็นจระเข้นั้น เป็นอ่างเก็บน้ำห้วยตาจู ของ กรมชลประทาน มีสภาพป่าไม้สมบูรณ์ และพื้นที่ยังพบร่องรอยการคลานขึ้นจากลำห้วยลักษณะ เพื่อหาพื้นที่วางไข่ระยะทางประมาณ 200 เมตร เจ้าหน้าที่ได้เก็บข้อมูลและหล่อรอยเท้าเก็บไว้เป็นหลักฐานให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบต่อไป
นายศุภากร ปทุมรัตนาธาร นักวิชาการป่าไม้ ชำนาญการพิเศษ ส่วนวิจัยสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์และพันธุ์พืช ที่เดินทางมาสำรวจพื้นที่บริเวณที่ได้รับแจ้ง กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางไปสำรวจจุดที่ชาวบ้านแจ้งว่า พบจระเข้ แต่เนื่องจากน้ำมันลดลงมาก ก็เลยทำให้ดูแล้วค่อนข้างจะลำบากที่จะหาเจอ แต่จากที่เดินลงมาจากร่องลำห้วยมาจนถึงสันเขื่อนนั้น ก็ไม่พบร่องรอยอะไรที่จะบ่งบอกว่าเป็นจระเข้ แต่จากการถามชาวบ้าน บอกว่า มีการพบเห็นจระเข้เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่พบว่าขึ้นมาอาบแดดตอนช่วงหน้าฝนเป็นหลัก ส่วนหน้านี้ยังไม่มีใครพบเจอ
นายศุภกร กล่าวอีกว่า โดยส่วนใหญ่จระเข้จะชอบอาศัยอยู่ตามที่ลุ่ม น้ำไม่ไหล และในช่วงวางไข่จะขึ้นไปวางไข่บริเวณที่ปลอดภัย คือ ต้นน้ำ และจุดที่ชาวบ้านพบเห็นก็เป็นพื้นที่ต้นน้ำและเป็นอ่างเก็บน้ำเหมือนกัน แต่ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะต้องรอให้ทีมสำรวจและผู้เชี่ยวชาญลงมาสำรวจอีกครั้งหนึ่งก่อนจึงจะสรุปได้ว่าใช่จระเข้น้ำจืดหรือไม่
วันนี้ (27 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ นายชัชวาล อินทุมาร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก ได้รับแจ้งจาก นายยันต์ ศรีมงคล อายุ 49 ปี ชาวบ้านกันตรวจ หมู่ 1 ต.ห้วยจันทร์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ว่าขณะที่นั่งเรือออกไปหาปลาบริเวณลำห้วยตาจู ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งขวาห้วยศาลา ท้องที่ ต.กันทรอม อ.ขุนหาญ แล้วพบเห็นจระเข้น้ำจืดขนาดใหญ่ คลานลงจากริมฝั่งห้วยตาจู จึงได้แจ้งให้ผู้นำหมู่บ้านทราบ และได้ประสานมายังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก จากนั้นทางเขตได้รายงานให้สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทราบและได้จัดให้เจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญเข้าสำรวจรอยเท้า ว่า มีจระเข้น้ำจืด ตามที่ชาวบ้านระบุหรือไม่
หลังจากได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ศก.1 จึงได้ร่วมกันเข้าไปตรวจบริเวณพื้นที่ที่ได้รับแจ้ง และได้พบร่องรอยที่คาดว่าน่าจะเป็นจระเข้น้ำจืดจริง บริเวณริมฝั่งลำห้วยตาจู ซึ่งจากการวัดช่วงความยาวรอยเท้าหน้าถึงเท้าหลังยาวประมาณ 56 เซนติเมตร (ซม.) และคาดว่า ความยาวของลำตัวจากหัวถึงปลายหางน่าจะไม่ต่ำกว่า 220 ซม.(2.20 เมตร) ลำตัวกว้างประมาณ 20-25 ซม.ขนาดรอยเท้า กว้าง 11 ซม.ยาว 10 ซม.
โดยแหล่งที่พบรอยเท้าสัตว์ที่คาดว่าจะเป็นจระเข้นั้น เป็นอ่างเก็บน้ำห้วยตาจู ของ กรมชลประทาน มีสภาพป่าไม้สมบูรณ์ และพื้นที่ยังพบร่องรอยการคลานขึ้นจากลำห้วยลักษณะ เพื่อหาพื้นที่วางไข่ระยะทางประมาณ 200 เมตร เจ้าหน้าที่ได้เก็บข้อมูลและหล่อรอยเท้าเก็บไว้เป็นหลักฐานให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบต่อไป
นายศุภากร ปทุมรัตนาธาร นักวิชาการป่าไม้ ชำนาญการพิเศษ ส่วนวิจัยสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์และพันธุ์พืช ที่เดินทางมาสำรวจพื้นที่บริเวณที่ได้รับแจ้ง กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางไปสำรวจจุดที่ชาวบ้านแจ้งว่า พบจระเข้ แต่เนื่องจากน้ำมันลดลงมาก ก็เลยทำให้ดูแล้วค่อนข้างจะลำบากที่จะหาเจอ แต่จากที่เดินลงมาจากร่องลำห้วยมาจนถึงสันเขื่อนนั้น ก็ไม่พบร่องรอยอะไรที่จะบ่งบอกว่าเป็นจระเข้ แต่จากการถามชาวบ้าน บอกว่า มีการพบเห็นจระเข้เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่พบว่าขึ้นมาอาบแดดตอนช่วงหน้าฝนเป็นหลัก ส่วนหน้านี้ยังไม่มีใครพบเจอ
นายศุภกร กล่าวอีกว่า โดยส่วนใหญ่จระเข้จะชอบอาศัยอยู่ตามที่ลุ่ม น้ำไม่ไหล และในช่วงวางไข่จะขึ้นไปวางไข่บริเวณที่ปลอดภัย คือ ต้นน้ำ และจุดที่ชาวบ้านพบเห็นก็เป็นพื้นที่ต้นน้ำและเป็นอ่างเก็บน้ำเหมือนกัน แต่ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะต้องรอให้ทีมสำรวจและผู้เชี่ยวชาญลงมาสำรวจอีกครั้งหนึ่งก่อนจึงจะสรุปได้ว่าใช่จระเข้น้ำจืดหรือไม่