สุรินทร์- จนท.กรมอุทยานฯ ลุยตรวจสอบป่าสาธารณประโยชน์ จ.สุรินทร์ พื้นที่กว่า 3,000 ไร่ หลังชาวบ้านหวาดผวามีเสืออาละวาดขย้ำกิน วัว ควาย ไปหลายตัว เผยผลตรวจสอบรอยเท้าสัตว์และจากคำบอกเล่าในที่เกิดเหตุ เชื่อเป็นฝูง “หมาใน” นักล่าสัตว์กินเนื้อ เตือนชาวบ้านเฝ้าระวังสัตว์เลี้ยง พร้อมระดมเร่งจับเป็นโดยเร็ว
วันนี้ (28 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี สัตว์เลี้ยง วัว ควาย ของประชาชนบ้านอำปึล ต.เทนมีย์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ถูกสัตว์ขนาดใหญ่ขย้ำกัดกินเนื้อเสียชีวิตไปแล้วหลายตัว รวมทั้งไก่อีกหลายสิบตัว ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเสือที่คนในหมู่บ้านเคยเลี้ยงไว้ และหนีเข้าไปในป่าสาธารณประโยชน์ ป่าตาหีบ ต.เทนมีย์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งสร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก อยู่ในขณะนี้นั้น
ล่าสุด วันนี้ (28 มี.ค.) นายศุภากร ปทุมรัตนาธาร เจ้าหน้าที่ส่วนวิจัยสัตว์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ พร้อมด้วย นายวิบูลย์ คำสัมฤทธิ์ หัวหน้าหน่วยรักษาพันธุ์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ อ.กาบเชิง, นายชำนาญ แก่นจันทร์ หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจุฬาภรณ์, นายชิณณะ ทองพิมพ์ ส่วนอนุรักษ์ป่า สำนักฯ 9 อุบลราชธานี, นายประสิทธิ์ ฉายกล้า กำนันตำบลเทนมีย์ รวมทั้งสื่อมวลชน จังหวัดสุรินทร์ ได้เดินทางเข้าสำรวจพื้นที่เกิดเหตุ ป่าสาธารณประโยชน์ป่าตาหีบ ต.เทนมีย์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ และป่าสาธารณประโยชน์โคกกุย ต.ทมอ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ รวมพื้นที่กว่า 3,000 ไร่
ทั้งนี้ เพื่อสำรวจร่องรอยเท้าเสือ โดยได้เดินเท้าเข้าตรวจสอบที่หนองน้ำ กลางป่าสาธารณประโยชน์ ที่มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน และการไปตรวจสอบกับชาวบ้านทับไทย ที่ลูกควาย อายุ 3 วัน ถูกกัดกินเนื้อเสียชีวิต รวมทั้งตรวจวัดรอยเท้าสัตว์ ที่คาดว่าเป็นรอยเท้าเสือ
นายศุภากร ปทุมรัตนาธาร เจ้าหน้าที่ส่วนวิจัยสัตว์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า รอยเท้าสัตว์ที่ตรวจพบ ในวันนี้ ยืนยันว่า เป็นรอยเท้าหมาในที่ชอบกัดกินเนื้อสัตว์ด้วยกัน ซึ่งวัดขนาดรอยเท้ามีความกว้าง 3-4 เซนติเมตร (ซม.) และรอยเท้ามีหลายขนาด เข้าใจว่า ในกลุ่มนี้ต้องมีหมาในจำนวนหลายตัว
จากนั้นคณะสำรวจได้เข้านมัสการพระอาจารย์สนอง อภินันโท พระลูกวัดอัมรินทราวารี ต.โคกยาง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ซึ่งได้มาปักกลดปฏิบัติธรรม เจริญจิตภาวนา พร้อมพระลูกวัดรวม 3 รูป บริเวณชายป่าสาธารณประโยชน์ป่าตาหีบ ป่าหีบ บ้านอำปึล ต.เทนมีย์ อ.เมือง สุรินทร์ ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ ประมาณเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ พบเห็น หมามีลักษณะหูตั้ง หน้าแหลม หางเป็นพวง สีแดง-น้ำตาล มีขนาดทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ 4 ตัว เข้ามาหากินอาหาร ในบริเวณที่ปักกลด แต่เมื่อเดือนมีนาคม พบว่า หมาทั้ง 4 ตัวหายไป ไม่ทราบว่าหายไปไหน กลัวว่า เสือจะเอาไปกิน
นายศุภากร ปทุมรัตนาธาร เจ้าหน้าที่ส่วนวิจัยสัตว์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า หลังจากได้รับฟังคำชี้แจงจากพระอาจารย์สนอง อภินันโท ที่ปักกลดปฏิบัติธรรม และพบมูลสุนัข หรือขี้หมาที่มีเศษขนของสัตว์ ประเภทกระต่ายปนอยู่ด้วย ค่อนข้างมั่นใจว่า ในป่าสาธารณประโยชน์ ป่าตาหีบ และป่าโคกมุย ร่องรอยที่ตรวจพบ น่าจะเป็น “หมาใน” มากกว่า ซึ่งหมาในชอบล่าสัตว์กินเนื้อ
อย่างไรก็ตาม ต้องทำการตรวจสอบจับตัวเป็นมาตรวจสอบให้ได้ ซึ่งจะสามารถจับเป็น ด้วยการนำอาหาร เช่น กระดูกไก่มาล่อ บริเวณใกล้แหล่งน้ำที่หมาในฝูงนี้เคยมาประจำ โดย หมาในจะออกล่าสัตว์ หรือเหยื่อในยามค่ำคืน หรือช่วงที่เงียบปลอดจากผู้คน และหมาในเป็น สัตว์คุ้มครอง เลี้ยงลูกด้วยนม ผู้ที่ล่าก็จะมีความผิดตามกฎหมาย แต่หมาในจะกลัวคน
“จึงแนะนำให้ผู้นำชุมชนได้แจ้งประชาชนใกล้พื้นที่ป่าสาธารณประโยชน์ตาหีบ ป่าโคกมุย อ.เมือง และ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ดูแลสัตว์เลี้ยงให้ดี ซึ่งเจ้าหน้าที่เราจะร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ จับเป็นหมาในดังกล่าวให้ได้โดยเร็ว เพื่อนำไปปล่อยในที่ที่เหมาะสมต่อไป” นายศุภากร กล่าว