ประจวบคีรีขันธ์ - เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯและปศุสัตว์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สั่งอายัดช้างแม่ลูก ที่ให้บริการนักท่องเที่ยวในตลาดน้ำสามพันนาม หัวหิน เพื่อตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอความสัมพันธ์แม่ลูก หลังพบลูกช้างวัยขวบครึ่งไม่ได้แจ้งทำบัญชีตั๋วลูกคอก
วันนี้ (21 มี.ค.) นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน เดินทางไปยังโรงช้าง ตลาดน้ำสามพันนาม ตำบลทับไต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เพื่อร่วมกันตรวจสอบหลักฐาน เอกสาร ทั้งตั๋วรูปพรรณช้าง และตรวจสอบไมโครชิปช้างที่ให้บริการนักท่องเที่ยวที่ตลาดน้ำสามพันนาม ซึ่งเป็นการตรวจสอบเพิ่มเติมตามนโยบายการป้องกัน ปราบปราม และแก้ปัญหาการสวมตั๋วรูปพรรณช้างด้วยการนำช้างป่ามาสวมตั๋ว เป็นช้างบ้านของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งพบว่า มีช้างทั้งสิ้น 3 เชือก โดยเป็นช้างแม่ลูกอ่อนจำนวน 2 เชือก คือ พังแอปเปิล วัย 25 ปี และพลายดอย วัย 1 ปีครึ่ง โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า พังแอปเปิล มีไมโครชิปไม่สัมพันธ์กับตั๋วรูปพรรณ และพลายดอย เป็นลูกช้างที่ยังไม่ได้นำเอกสารประจำตัวช้างมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่
นายวัฒนา กล่าวว่า ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากทางเจ้าของปางช้าง แจ้งว่า ช้างทั้ง 2 เชือกเป็นแม่ลูกกัน จึงต้องทำการตรวจสอบให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้มีการนำลูกช้างป่าออกมาหากินโดยผิดกฎหมาย โดยการตรวจสอบไมโครชิปของช้างพังแอ๊บเปิ้ล พบว่า ตรงกับสำเนาตั๋วรูปพรรณช้างที่นำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงให้นำตั๋วรูปพรรณตัวจริงมาแสดง
ส่วนช้างพลอยดอยนั้น พบว่า ไม่ได้มีการแจ้งทำบัญชีตั๋วลูกครอกไว้ ดังนั้น เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าช้างทั้งสองเชือกมีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกันจริง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการอายัดช้างทั้งสองเชือกดังกล่าวไว้ เพื่อทำการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ
โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บตัวอย่างตรวจเลือด และขนของช้างพังแอปเปิลและขนของช้างพลายดอย นำส่งให้สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อตรวจพิสูจน์ ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 15 วัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดช้างไว้ที่โรงช้าง ตลาดน้ำสามพันนาม ห้ามมีการเคลื่อนย้ายช้างทั้ง 2 เชือกโดยเด็ดขาด หากพิสูจน์ดีเอ็นเอแล้วตรงกันจะยกเลิกการอายัด แต่หากพบว่าไม่ตรงกันจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
