ตรัง - ชาวไทยเชื้อสายจีน มาเลย์ สิงคโปร์ และจีน นับพันคนแห่กราบไหว้ขอพรองค์ศักดิ์สิทธิ์ตามศาลเจ้าต่างๆ อย่างเนืองแน่น เพื่อขอพรเนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2555
ที่ศาลเจ้าท่ามกงเยี่ย ซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ขนาดใหญ่มีอายุนับร้อยปี เป็นที่นับถือของชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวต่างชาติ ตั้งอยู่บน ถ.เพลินพิทักษ์ ต.ทับเที่ยง เขตเทศบาลนครตรัง ได้มีชาวไทยเชื้อสายจีนทั้งในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง ชาวจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ นับ 1,000 คน ต่างนำหมูย่าง ขนมมงคล และผลไม้ เดินทางไปกราบไหว้ขอพรองค์พระท่ามกงเยี่ย เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว เนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ 2555 ส่งผลให้ภายในศาลเจ้าคลาคล่ำไปด้วยผู้คน และดูแคบไปถนัดตา บรรยากาศคึกคักเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยบางส่วนยังได้ถือโอกาสนี้นำหมูย่างมาแก้บน พร้อมกับจุดประทัดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณศาลเจ้า และเติมน้ำมันตะเกียง ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยต่ออายุให้ยืนยาวเหมือนไฟในตะเกียง
นางธัญญรัตน์ ศานติธาภิศักดิ์ อายุ 50 ปี กล่าวว่า เดิมตนเป็นชาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง แต่พอได้สามีเป็นชาวอังกฤษก็ได้ย้ายครอบครัวไปตั้งถิ่นฐานเปิดร้านอาหารอยู่ที่กรุงลอนดอน นานกว่า 20 ปีแล้ว พอถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ก็จะชวนสามีเดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัว และถือโอกาสพาพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และสามีมากราบไหว้ขอพรองค์ท่ามกงเยี่ยที่ตนนับถือมาตั้งแต่เด็กแล้ว
โดยสิ่งแรกได้ขอพรให้ประเทศชาติมีแต่ความสงบร่มเย็น และให้ผู้ประสบภัยทุกคนมีกำลังใจต่อสู้กับชีวิต ที่สำคัญขอให้ในหลวง ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน และอยู่เป็นมิ่งขวัญของชาวไทยทั่วโลกตลอดไป นอกจากนั้นยังได้ขอพรให้ตัวเองมีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และกิจการร้านอาหารที่ทำอยู่เจริญก้าวหน้า
ขณะที่ นายวิฑูรย์ มิ่งมงคลพิทยา ผู้ดูแลศาลเจ้าท่ามกงเยี่ย เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 ซึ่งมีวันหยุดยาว 4 วัน ทางศาลเจ้าได้เตรียมธูป เทียน และประทัด ไว้บริการชุดละ 20 บาท ให้แก่ผู้ที่เดินทางมากราบไหว้ขอพรองค์ศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ประมาณวันละ 6 เข่งใหญ่ เฉลี่ย 2,200 ชุด ซึ่งยังไม่รวมถึงน้ำมันที่ใช้สำหรับเติมตะเกียงอีกประมาณ 600-700 ขวด โดยในแต่ละวันจะมีผู้เดินทางมา เฉลี่ยวันละ 1,500 คน ทำให้ช่วงดังกล่าวทางศาลเจ้ามีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายธูป เทียน และประทัด ซึ่งยังไม่นับถึงการทำบุญอื่นๆ อีกด้วย ทั้งนี้ คาดว่าตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่นี้จะมีผู้มีจิตศรัทธาหลั่งไหลกันเดินทางมาทำบุญกราบไหว้ขอพรที่ศาลเจ้ากันมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพราะปีนี้มีวันหยุดยาวหลายวัน
ที่ศาลเจ้าท่ามกงเยี่ย ซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ขนาดใหญ่มีอายุนับร้อยปี เป็นที่นับถือของชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวต่างชาติ ตั้งอยู่บน ถ.เพลินพิทักษ์ ต.ทับเที่ยง เขตเทศบาลนครตรัง ได้มีชาวไทยเชื้อสายจีนทั้งในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง ชาวจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ นับ 1,000 คน ต่างนำหมูย่าง ขนมมงคล และผลไม้ เดินทางไปกราบไหว้ขอพรองค์พระท่ามกงเยี่ย เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว เนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ 2555 ส่งผลให้ภายในศาลเจ้าคลาคล่ำไปด้วยผู้คน และดูแคบไปถนัดตา บรรยากาศคึกคักเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยบางส่วนยังได้ถือโอกาสนี้นำหมูย่างมาแก้บน พร้อมกับจุดประทัดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณศาลเจ้า และเติมน้ำมันตะเกียง ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยต่ออายุให้ยืนยาวเหมือนไฟในตะเกียง
นางธัญญรัตน์ ศานติธาภิศักดิ์ อายุ 50 ปี กล่าวว่า เดิมตนเป็นชาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง แต่พอได้สามีเป็นชาวอังกฤษก็ได้ย้ายครอบครัวไปตั้งถิ่นฐานเปิดร้านอาหารอยู่ที่กรุงลอนดอน นานกว่า 20 ปีแล้ว พอถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ก็จะชวนสามีเดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัว และถือโอกาสพาพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และสามีมากราบไหว้ขอพรองค์ท่ามกงเยี่ยที่ตนนับถือมาตั้งแต่เด็กแล้ว
โดยสิ่งแรกได้ขอพรให้ประเทศชาติมีแต่ความสงบร่มเย็น และให้ผู้ประสบภัยทุกคนมีกำลังใจต่อสู้กับชีวิต ที่สำคัญขอให้ในหลวง ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน และอยู่เป็นมิ่งขวัญของชาวไทยทั่วโลกตลอดไป นอกจากนั้นยังได้ขอพรให้ตัวเองมีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และกิจการร้านอาหารที่ทำอยู่เจริญก้าวหน้า
ขณะที่ นายวิฑูรย์ มิ่งมงคลพิทยา ผู้ดูแลศาลเจ้าท่ามกงเยี่ย เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 ซึ่งมีวันหยุดยาว 4 วัน ทางศาลเจ้าได้เตรียมธูป เทียน และประทัด ไว้บริการชุดละ 20 บาท ให้แก่ผู้ที่เดินทางมากราบไหว้ขอพรองค์ศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ประมาณวันละ 6 เข่งใหญ่ เฉลี่ย 2,200 ชุด ซึ่งยังไม่รวมถึงน้ำมันที่ใช้สำหรับเติมตะเกียงอีกประมาณ 600-700 ขวด โดยในแต่ละวันจะมีผู้เดินทางมา เฉลี่ยวันละ 1,500 คน ทำให้ช่วงดังกล่าวทางศาลเจ้ามีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายธูป เทียน และประทัด ซึ่งยังไม่นับถึงการทำบุญอื่นๆ อีกด้วย ทั้งนี้ คาดว่าตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่นี้จะมีผู้มีจิตศรัทธาหลั่งไหลกันเดินทางมาทำบุญกราบไหว้ขอพรที่ศาลเจ้ากันมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพราะปีนี้มีวันหยุดยาวหลายวัน