นครศรีธรรมราช - “แหลมตะลุมพุก” เตรียมพร้อมอพยพทันที 2,300 ชีวิต หากมรสุมกระหน่ำ เผย เปลี่ยนรัฐบาลแล้วเรื่องที่ดินย้ายหมู่บ้าน 150 ไร่ เงียบสนิทเผชิญชะตากรรมต่อ
วันนี้ (10 ต.ค.) ตำบลแหลมตะลุมพุก โดยเฉพาะใน ม.2 และ ม.3 ที่มีอาชีพประมงชายฝั่งปักหลักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านริมทะเลมานับชั่วอายุคนใน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบกับมรสุมและคลื่นลมอย่างหนักในช่วงหน้ามรสุมของทุกปี จนคลื่นทะเลได้กัดเซาะหมู่บ้านหายไปเรื่อยๆ จนบ้านหลายหลังพังลงไปในทะเล รวมทั้งถนนคอนกรีต ศาลาหมู่บ้าน โดยเมื่อช่วงภัยพิบัติครั้งที่แล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่ พร้อมทั้งนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาย้ายหมู่บ้านดังกล่าวข้ามมาอยู่ในอีกฝั่งถนน ซึ่งเป็นที่ดินของ กรมป่าไม้ โดยมีสภาพเป็นป่าชายเลนเสื่อมโทรมจำนวน 150 ไร่ เพื่อให้ชาวบ้านกว่า 200 ครัวเรือน เข้าอาศัยหลีหนีภัยพิบัติที่มาเป็นประจำทุกปี และทวีความหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ
นายประยุทธ ฐานะวัฒนา กำนันตำบลแหลมตะลุมพุก เปิดเผยว่า หมู่บ้านประมงแหลมตะลุมพุกกว่า 200 ครัวเรือน ในหมู่ 2 และ 3 ได้หารือกันและเตรียมรับมือผลกระทบของลมมรสุมไว้แล้ว รวมทั้งติดตามข่าวสารจากทางการตลอด โดยเฉพาะแนวโน้มของการเกิดมรสุมรุนแรงและพายุหลายระลอกจะพัดเข้าสู่ฝั่งอ่าวไทยในช่วงเดือน ต.ค.และ พ.ย.นี้
“ชาวบ้านได้หารือกันและต่างเตรียมความพร้อมตลอดเวลา หากเกิดพายุ หรือคลื่นสูงซัดเข้าฝั่ง ชาวบ้านจะอพยพออกจากพื้นที่ทันทีไปยังจุดปลอดภัยทันที โดยได้กำหนดจุดอพยพที่ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองปากพนัง เพราะขณะนี้ในพื้นที่แหลมตะลุมพุกไม่มีที่หลบภัยที่สร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้านได้ เพราะถูกคลื่นกัดเซาะซัดหายจนพัง” กำนันตำบลแหลมตะลุมพุก กล่าว
นายประยุทธ ฐานะวัฒนา กำนันตำบลแหลมตะลุมพุก ยังกล่าวต่ออีกว่า ความหวังของประชาชนจำนวนกว่า 200 ครัวเรือนประมาณ 2,300 คนเศษ ที่หวังไว้จากรัฐบาลที่แล้วในเรื่องที่ดินจำนวน 150 ไร่ ในฝั่งถนนตรงข้ามกับหมู่บ้านเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยใหม่เริ่มที่จะหมดลง หลังจากเปลี่ยนรัฐบาลเรื่องนี้เงียบหายไปแม้ว่าทางสำนักนายกรัฐมนตรีมาตรวจแล้ว 2 ครั้ง เมื่อรัฐบาลเงียบไปเลยจริงๆ สิ่งที่อยากให้รัฐบาลนี้เร่งดำเนินการ คือ ที่ดินผืนนี้ อยู่บริเวณอีกฝั่งถนน เพื่อย้ายหมู่บ้านเพราะที่ดินในพื้นที่ ม.2 และ ม.3 ต.แหลมตะลุมพุก อยู่ติดทะเลทั้งหมด หากไม่เร่งช่วยเหลือ หรือหาทางป้องกันอีกไม่ช้าหมู่บ้านชาวประมงจะถูกคลื่นเสียหายไปหมด คนเหล่านี้ไม่มีที่อยู่อาศัยอย่างแน่นอน
วันนี้ (10 ต.ค.) ตำบลแหลมตะลุมพุก โดยเฉพาะใน ม.2 และ ม.3 ที่มีอาชีพประมงชายฝั่งปักหลักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านริมทะเลมานับชั่วอายุคนใน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบกับมรสุมและคลื่นลมอย่างหนักในช่วงหน้ามรสุมของทุกปี จนคลื่นทะเลได้กัดเซาะหมู่บ้านหายไปเรื่อยๆ จนบ้านหลายหลังพังลงไปในทะเล รวมทั้งถนนคอนกรีต ศาลาหมู่บ้าน โดยเมื่อช่วงภัยพิบัติครั้งที่แล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่ พร้อมทั้งนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาย้ายหมู่บ้านดังกล่าวข้ามมาอยู่ในอีกฝั่งถนน ซึ่งเป็นที่ดินของ กรมป่าไม้ โดยมีสภาพเป็นป่าชายเลนเสื่อมโทรมจำนวน 150 ไร่ เพื่อให้ชาวบ้านกว่า 200 ครัวเรือน เข้าอาศัยหลีหนีภัยพิบัติที่มาเป็นประจำทุกปี และทวีความหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ
นายประยุทธ ฐานะวัฒนา กำนันตำบลแหลมตะลุมพุก เปิดเผยว่า หมู่บ้านประมงแหลมตะลุมพุกกว่า 200 ครัวเรือน ในหมู่ 2 และ 3 ได้หารือกันและเตรียมรับมือผลกระทบของลมมรสุมไว้แล้ว รวมทั้งติดตามข่าวสารจากทางการตลอด โดยเฉพาะแนวโน้มของการเกิดมรสุมรุนแรงและพายุหลายระลอกจะพัดเข้าสู่ฝั่งอ่าวไทยในช่วงเดือน ต.ค.และ พ.ย.นี้
“ชาวบ้านได้หารือกันและต่างเตรียมความพร้อมตลอดเวลา หากเกิดพายุ หรือคลื่นสูงซัดเข้าฝั่ง ชาวบ้านจะอพยพออกจากพื้นที่ทันทีไปยังจุดปลอดภัยทันที โดยได้กำหนดจุดอพยพที่ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองปากพนัง เพราะขณะนี้ในพื้นที่แหลมตะลุมพุกไม่มีที่หลบภัยที่สร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้านได้ เพราะถูกคลื่นกัดเซาะซัดหายจนพัง” กำนันตำบลแหลมตะลุมพุก กล่าว
นายประยุทธ ฐานะวัฒนา กำนันตำบลแหลมตะลุมพุก ยังกล่าวต่ออีกว่า ความหวังของประชาชนจำนวนกว่า 200 ครัวเรือนประมาณ 2,300 คนเศษ ที่หวังไว้จากรัฐบาลที่แล้วในเรื่องที่ดินจำนวน 150 ไร่ ในฝั่งถนนตรงข้ามกับหมู่บ้านเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยใหม่เริ่มที่จะหมดลง หลังจากเปลี่ยนรัฐบาลเรื่องนี้เงียบหายไปแม้ว่าทางสำนักนายกรัฐมนตรีมาตรวจแล้ว 2 ครั้ง เมื่อรัฐบาลเงียบไปเลยจริงๆ สิ่งที่อยากให้รัฐบาลนี้เร่งดำเนินการ คือ ที่ดินผืนนี้ อยู่บริเวณอีกฝั่งถนน เพื่อย้ายหมู่บ้านเพราะที่ดินในพื้นที่ ม.2 และ ม.3 ต.แหลมตะลุมพุก อยู่ติดทะเลทั้งหมด หากไม่เร่งช่วยเหลือ หรือหาทางป้องกันอีกไม่ช้าหมู่บ้านชาวประมงจะถูกคลื่นเสียหายไปหมด คนเหล่านี้ไม่มีที่อยู่อาศัยอย่างแน่นอน