ส.ว.ภูเก็ต-ผู้ประกอบการยันขึ้นค่าแรงกระทบทุกส่วน ชี้ค่าครองชีพขึ้นไปรอก่อนแล้ว

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - วุฒิสภาจัดเวทีเสวนา “วิเคราะห์และศึกษาผลกระทบนโยบายประชานิยมค่าแรง และเงินเดือน ของนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ ทำได้จริงหรือ” ส.ว.ภูเก็ต-ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเห็นด้วยขึ้นค่าแรง 300 บาท แต่ยันกระทบทุกภาค ส่วนเหตุราคาสินค้ากระเด้งขึ้นไปรอแล้ว แนะควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป

วันนี้ (30 ก.ย.) ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ต ซิตี้ จ.ภูเก็ต นายถาวร ลีนุพงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและการเงิน วุฒิสภา เป็นประธานเปิดการสัมมนา เรื่อง “วิเคราะห์และศึกษาผลกระทบนโยบายประชานิยมค่าแรง และเงินเดือน...ของนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ ทำได้จริงหรือ” ซึ่งคณะกรรมาธิการการเงินการคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา และคณะอนุกรรมาธิการนโยบายการเงิน การคลังและงบประมาณ จัดขึ้น เพื่อรับทราบความคิดเห็นจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนต่อนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงและเงินเดือนของข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ

ตลอดจนเพื่อรับทราบสภาพปัญหาอุปสรรคของผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะกรรมการจะนำข้อมูลที่ได้รับจากการสัมมนาครั้งนี้เสนอไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาต่อไปเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนมากที่สุด

โดยมีผู้ใช้แรงงาน นายจ้าง ผู้ประกอบการ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยมีผู้ร่วมเวทีเสนาในครั้งนี้ประกอบด้วย นายภูมิกิตต์ รักแต่งาม กรรมการสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์ศิริชัย ศิลปอาชา ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต นางธันยรัตน์ อัจฉะริยะฉาย ส.ว.ภูเก็ต และประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยววุฒิสภา นายอภิชัย อมรพิสุทธิ์ และนายสุทธิพงศ์ สายคเรศ แรงงานจังหวัดภูเก็ต

นายแพทย์ศิริชัย ศิลปอาชา ประธานหอการค้าจังหวัด กล่าวว่า การขึ้นค่าจ้างตามนโยบายรัฐบาลมองได้ทั้ง 2 ด้าน ทั้งด้านดีและด้านไม่ได้ ซึ่งด้านดีถือว่าเป็นการกระจายรายได้สู่คนระดับทำงานทำให้มีรายได้เข้าสู่ประเทศมากขึ้น การเริ่มวันนี้จะทำให้สามารถแข่งขันกับประเทศในอาเซียนได้เพราะเมื่อไหร่มีการเปิดเสรีอาเซียนแรงงานมีฝีมือจะไหลไปอยู่ในประเทศที่ให้รายได้สูงแน่นอน แต่ถ้ามองในแง่ไม่ดีการขึ้นค้าแรงนั้นจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการที่ไม่สามารถรับภาระที่เพิ่มขึ้นได้ซึ่งรัฐบาลจะต้องเข้าไปอุ้มให้ธุรกิจเหล่านั้นสามารถอยู่ได้

ขณะที่ นางธันยรัตน์ อัจฉะริยะฉาย ส.ว.ภูเก็ต และประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยววุฒิสภา กล่าวว่า การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตทำรายได้เข้าประเทศมากเป็นอันดับ 2ของประเทศแต่ไม่มีรัฐบาลชุดไหนที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องการท่องเที่ยวรวมทั้งรัฐบาลชุดนี้ที่ไม่มีใครมีความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับเรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งจากตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพบว่าหลายๆ แห่งน่าเป็นห่วง

ในส่วนของภูเก็ตพบว่า ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามาก แต่จำนวนห้องพักก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยโดยปีนี้ทั้งจังหวัดภูเก็ตมีห้องพักเพิ่มขึ้นมากกว่า 10,000 ห้อง หลายคนมองว่าภูเก็ตเป็นเมืองของคนร่ำรวย เนื่องจากมีรายได้จากการท่องเที่ยวมากซึ่งจริงๆแล้วปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการโรงแรมในภูเก็ตส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติมีคนพื้นที่น้อยมาก จึงอยากให้มองคนภูเก็ตใหม่เพราะภูเก็ตยังมีคนจนอีกจำนวนมาก เมื่อมีการประกาศขึ้นค่าแรง 300 บาท คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ คนภูเก็ตที่ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวคนเหล่านี้ต้องมาแบกรับค่าครองชีพที่ขึ้นไปรออยู่แล้ว

ในส่วนของโรงแรมเองก็ต้องแบกรับค่าแรงที่สูงขึ้น เพราะแม้แต่แรงงานพม่าเองก็มาร้องขอค่าแรงเท่ากับคนไทย ซึ่งขณะนี้ในส่วนของโรงแรมตนก็มีการประชุมเพื่อที่จะปรับลดคนทำงานให้น้อยลงเพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ภาครัฐจะต้องเข้าไปดูแล และที่สำคัญตนเห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่จะต้องเป็นลักษณะของการค่อยเป็นค่อยไป

ด้าน นายภูมิกิตต์ รักแต่งาม กรรมการสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การปรับค่าแรงมากขึ้นดีกว่าค่าแรงน้อยแน่ แต่การปรับขึ้นค่าแรงนั้นควรจะมาจากนักเศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่มาจากนักการเมือง ถึงเวลานี้ค่าแรง 300 บาทมาจากไหนมีโครงสร้างอย่างไร การขึ้นค่าแรง 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศเป็นไปไม่ได้ เพราะการขึ้นค่าแรงนั้นจะต้องคำนึงถึงค่าครองชีพแต่ละพื้นที่ด้วย เพราะค่าครองชีพแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการประกาศเรื่องการปรับค่าแรง 300 บาท ค่าครองชีพก็กระเด้งไปรอทันที ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนส่วนร่วม รวมทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ

นอกจากนั้น การประกาศนำร่องใน 7 จังหวัดก็ส่งผลให้คนใน 7 จังหวัดที่มีการประกาศใช้ค่าแรง 300 บาทต้องมาแบกรับปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งปัญหาการไหลเข้าของแรงงาน ปัญหาสังคมที่ตามมา เพราะมีคนไหลเข้ามากแต่รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาเท่ากับจำนวนประชากรที่จดทะเบียนเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจะต้องคิดทั้งระบบ และที่สำคัญตนอยากเสนอให้เป็นเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษภูเก็ตสามารถบริหารจัดการตัวเองได้ มีรายได้เข้ามาพัฒนาภูเก็ตโดยไม่ต้องผ่านจากรัฐบาลกลาง