xs
xsm
sm
md
lg

จังหวัดตรังเสนอ อบจ.ฟ้องอุทยานหาดเจ้าไหม แก้ปัญหาที่ทับซ้อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง - จังหวัดตรังเสนอให้ อบจ.ตรัง ฟ้องอุทยานหาดเจ้าไหม ต่อศาลปกครอง เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่สาธารณะประโยชน์ที่ทับซ้อนและเรื้อรังมานาน พร้อมเตรียมหาทางพัฒนาหาดปากเมงให้เจริญขึ้นกว่าเดิม

วันนี้ (22 ส.ค.) นายสุวิทย์ สุบงกฎ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ครั้งล่าสุด ซึ่งประกอบไปด้วย ตัวแทนจาก อ.สิเกา อ.กันตัง อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ไม้ฝาด สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ตรัง สถานีตำรวจน้ำตรัง และ สภ.สิเกา

โดยทางจังหวัดตรัง ได้เร่งติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหาดปากเมง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการประชุมร่วมกันมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ โดยเฉพาะปัญหาพื้นที่สาธารณะประโยชน์ จำนวน 841 ไร่ ที่ทับซ้อนกัน ระหว่างอุทยาน กับ อบจ.ตรัง และเกิดขึ้นยืดเยื้อเรื้อรังมานาน จนนำไปสู่การร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา และต่อมาได้มีการลงพื้นที่รับฟังปัญหา เพื่อนำเสนอแนวทางแก้ไขต่อรัฐบาล

รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า ถ้าดูตามกฎหมายที่ดินสาธารณะประโยชน์จะพบว่า อุทยานมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่แล้ว ฉะนั้น ตนจึงได้เสนอทางออกต่อเรื่องนี้เอาไว้ 2 ทาง โดยทางที่ 1 คือ ให้มีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ) แต่อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาเหมือนอุทยานแห่งชาติทับลาน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังอยู่ในขณะนี้ และดูแล้วคงไม่เหมาะสมนัก

ส่วนแนวทางที่ 2 คือ ให้ อบจ.ตรัง ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อให้มีการแก้ไข พ.ร.ฎ และสั่งบังคับคืนพื้นที่ให้ อบจ.ตรัง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้หมายความว่า อบจ.ตรัง มีปัญหาขัดแย้งกับอุทยาน แต่เพื่อหาทางให้ อบจ.ตรัง สามารถนำพื้นที่ที่เกิดปัญหาดังกล่าวไปให้เอกชนเช่า เพื่อนำเงินมาพัฒนาในด้านอื่นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

นายชาญยุทธ เกื้ออรุณ ประธานสภา อบจ.ตรัง ในฐานะตัวแทนฝ่ายกฎหมาย อบจ.ตรัง กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะพัฒนาพื้นที่บริเวณหาดปากเมง โดยเฉพาะปัญหาพื้นที่สาธารณประโยชน์ที่ทับซ้อนกัน ระหว่างอุทยาน กับ อบจ.ตรัง ให้มีความเจริญมากขึ้นกว่านี้ แต่จะต้องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าไปมีส่วนร่วม พร้อมแสดงความกังวลว่า แม้จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งงบประมาณเพื่อนำไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว

แต่ที่ผ่านมากลับไม่สามารถเข้าไปดำเนินการใดๆ ได้ เนื่องจากติดขัดในเรื่องของ พ.ร.บ.อุทยาน ซึ่งจะต้องได้รับการอนุมัติจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เสียก่อน ทำให้ไม่สามารถพัฒนาพื้นที่บริเวณชายหาดปากเมงได้เลย จึงสมควรดำเนินการแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าวให้เกิดความเหมาะสมมากกว่านี้

นายรวมศิลป์ มานะจงประเสริฐ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางอุทยานได้ดำเนินการแบ่งพื้นที่บริเวณหาดปากเมง ออกเป็น 3 โซน ประกอบด้วย โซน A เป็นพื้นที่หวงห้าม ซึ่งมีทั้งส่วนราชการ ป่าชายเลน และป่าชายหาด ตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก โดยจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมพัฒนาพื้นที่ เช่น ปลูกต้นไม้ ฯลฯ โซน B เป็นพื้นที่กันชน และอยู่ในเขตอุทยานทั้งหมด และโซน C เป็นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และเขตบริการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้า รวมไปถึงท่าเทียบเรือด้วย ทั้งนี้ อุทยานพร้อมรับความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์จากทุกฝ่าย เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เกิดความเจริญมากยิ่งขึ้น และแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างเต็มที่ เท่าที่กฎหมาย หรือกฎระเบียบ จะสามารถเอื้ออำนวยให้ได้




กำลังโหลดความคิดเห็น