xs
xsm
sm
md
lg

ฉกเงินสดกว่า 1 ล้านกลางเมืองตรังเย้ย ตร.หนีลอยนวล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง - 3 คนร้ายซิ่งเก๋งวีออส ชิงเงินสดพ่อค้ายางรายใหญ่ ญาติภรรยา ผกก.เมืองตรัง เชิดเงิน 1.4 ล้านบาท เย้ยตำรวจหลบหนีลอยนวล

วันนี้ (11 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ร.ต.ท.พิเชษฐ์ ซูซัน ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ที่บริเวณร้านวิชชุสัตวแพทย์ เลขที่ 101/1 ถ.ห้วยยอด ต.ทับเที่ยง เขตเทศบาลนครตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผกก. พ.ต.ท.ภูมิ บาลทิพย์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.เมธี จันทร์งาม รอง ผกก.สส. กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจ ชุดสืบสวน และชุดพิสูจน์หลักฐาน

ที่เกิดเหตุพบ รถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีบรอด์นเงิน หมายเลขทะเบียน ฌย-7019 ตรัง จอดอยู่ริมถนนในสภาพที่ยางล้อหลังซ้ายแบน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เก็บร่องรอยลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายตามประตูหลังคนขับไว้เป็นหลักฐาน โดยมี นายเพิ่มสุข รอดดำ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 175 หมู่ 4 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ซึ่งเป็นพ่อค้ารับซื้อยางรายใหญ่ในพื้นที่ ต.เขาวิเศษ และเป็นญาติภรรยาของ พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผกก.สภ.เมืองตรัง ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยใบหน้าซีดเผือกและยังอยู่ในอาการตกใจ

นายเพิ่มสุข ผู้เสียหายให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนได้ขับขี่รถเก๋งคันดังกล่าวไปเบิกเงินสด จำนวน 1.4 ล้านบาท ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขา ถ.พระราม 6 ตามปกติเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน เพื่อนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับซื้อขายยางพารา โดยหลังจากเบิกเงินสดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตนก็ขับขี่รถยนต์ไปส่งมารดาที่ร้านยินดีทวีผล ซึ่งเป็นร้านขายผ้าในตัวเมืองตรัง ก่อนจะวกกลับมาที่ธนาคารกรุงไทย สาขาทับเที่ยง ถ.ห้วยยยอด อีกครั้ง แต่ปรากฏว่าเมื่อมาถึงไม่มีที่จอดรถ จึงเลี้ยวรถกลับไปซื้อบัตรเติมเงินโทรศัพท์ที่ร้านเทเลวิซ ก่อนที่จะขับขี่รถตรงมาแวะซื้ออาหารให้แมวที่ร้านวิชชุสัตวแพทย์ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ

โดยเมื่อมาถึงได้จอดรถที่เส้นขาวแดงหน้าร้าน ก่อนจะลงจากรถโดยที่ไม่ได้ล็อคกุญแจรถทั้ง 4 ด้าน เนื่องจากเห็นว่าใช้เวลาในการซื้ออาหารแมวไม่นาน และระหว่างที่กำลังยืนหันหลังคุยอยู่กับเจ้าของร้านแค่ไม่ถึงนาที ได้มีพนักงานภายในร้านที่เห็นเหตุการณ์ได้วิ่งมาบอกกับตนว่า มีคนเดินข้ามถนนจากอีกฝั่งหนึ่ง แล้วเปิดประตูรถด้านหลัง ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าที่มีเงินสด จำนวน 1.4 ล้านบาท วิ่งไปขึ้นรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีเขียว ที่จอดอยู่ด้านหน้ารถตน ขับขี่หลบหนีไป

ทั้งนี้ ภายในรถมีคนร้ายจำนวน 3 คน และ 1 ในนั้นจำได้ว่ามีรูปร่างอ้วน หลังเกิดเหตุ ตนกับพนักงานคนดังกล่าว จึงได้ตัดสินใจขับขี่รถไล่ติดตามไป จนถึงพื้นที่เขตเทศบาล ต.คลองเต็ง อ.เมือง จ.ตรัง แต่ไม่พบวี่แววรถของคนร้ายแต่อย่างใด จึงได้นำรถมาจอดตรงจุดเกิดเหตุอีกครั้ง และโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และก็พบว่ายางล้อหลังของรถได้แบนลงโดยไม่ทราบสาเหตุ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำ นายเพิ่มสุข ผู้เสียหาย พร้อมด้วยพนักงานภายในร้านวิชชุสัตวแพทย์ ซึ่งเป็นพยานเห็นเหตุการณ์ ไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่ธนาคารกสิกรไทย สาขา ถ.พระราม 6 และธนาคารออมสิน สาขาตรัง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน เพื่อตรวจสอบรถยนต์ต้องสงสัยของคนร้ายที่คาดว่าจะติดตามรถของผู้เสียหายมาจากธนาคาร แต่ก็ไม่พบความผิดปกติหรือความคืบหน้าแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผกก.สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น จากการประมวลของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว สันนิษฐานว่ากลุ่มคนร้ายทั้ง 3 คน ได้เฝ้าติดตามการเบิกถอนเงินสดของผู้เสียหายอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หลังจากที่ผู้เสียหายออกจากธนาคาร คนร้ายก็ขับรถสะกดรอยตามโดยที่ผู้เสียหายไม่รู้ตัว และฉวยจังหวะที่ผู้เสียหายเผลอ เดินไปเปิดประตูรถ ก่อนหยิบกระเป๋าเงินหลบหนีไปดังกล่าว

ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีพยานหลักฐานใดเพิ่มเติมที่จะทำให้สาวไปถึงคนร้ายทั้ง 3 คนได้ โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่เก็บข้อมูลแล้ว คาดว่าน่าจะมีความคืบหน้าเร็วๆ นี้ ส่วนยางล้อรถด้านหลังที่แบนลงหลังเกิดเหตุนั้น ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าเกิดจากฝีมือของคนร้ายหรือไม่ ต้องรอให้ชุดพิสูจน์หลักฐานถอดยางล้อรถออกมาตรวจสอบก่อน แต่โดยส่วนตัวตนมองว่า หากคนร้ายจะเจาะยางเพื่อปล่อยลมรถของผู้เสียหายนั้น คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็ต้องรอผลการตรวจสอบต่อไป ผกก.สภ.เมืองตรัง กล่าว

สำหรับมาตรการการป้องกันเหตุดังกล่าวนั้น ผกก.สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ตนได้เรียกประชุมธนาคารทุกแห่งในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ให้เร่งติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนให้ระมัดระวังว่า หากมีการเบิกถอนเงินสดอย่านำเก็บไว้ในรถ เพราะเป็นสิ่งล่อตาล่อใจให้กลุ่มมิจฉาชีพทุบรถเพื่อเข้าไปขโมยทรัพย์สิน นอกจากนี้ยังเน้นย้ำให้ทุกธนาคารเร่งติดตั้งกล้องวงจรปิด และตรวจเช็คความพร้อมของกล้องวงจรปิดให้อยู่ในสภาพใช้งานตลอดเวลาด้วย หลังจากเพิ่งจะเกิดเหตุเช่นเดียวกันนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ในรอบเดือนที่ผ่านมา


กำลังโหลดความคิดเห็น