ASTVผู้จัดการรายวัน-“จตุพร-นิสิต”นอนคุกต่อ ศาลอุทธรณ์ชี้ชัด พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง ยกคำร้องห้ามประกัน หวั่นไปก่อเหตุวุ่นวายซ้ำ ด้าน 2 แนวร่วม นปช.ศาลพิพากษาจำคุก 11 ปี 8 เดือน ปรับ 6.1 พันบาท ฐานพกระเบิด งัดเซเว่นฯ ลักทรัพย์ ระหว่างวันชุมนุมเผาเมือง
วานนี้(27 มิ.ย.)ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ นปช.ทราบ กรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายนิสิต สินธุไพร สองแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)จำเลยคดีร่วมกันก่อการร้าย ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์ พิจารณาเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว หลังจากที่ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสองมาก่อนหน้านี้
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ถูกกล่าวหามีโทษสถานหนัก พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง มีเหตุอันควรเชื่อว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสองระหว่างพิจารณา จำเลยอาจก่อให้เกิดอันตรายกระทบต่อความสงบเรียบร้อย จึงยังไม่มีเหตุสมควรปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง
ด้าน นายวิญญัติ เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลขอให้นายจตุพร ออกจากเรือนจำมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นี้
**คุก 2 นปช.11 ปี 8 เดือน**
วันเดียวกันเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 27 มิ.ย. ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.2274/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายประสงค์ มณีอินทร์ และนายโกวิทย์ แย้มประเสริฐ เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศข้อกำหนดห้ามมิให้มีการชุมนุมฯ และการใช้เส้นทางคมนาคมฯ ร่วมกันมีวัตถุระเบิด ร่วมกันมีเครื่องวิทยุคมนาคม ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองฯ และร่วมกันลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 335, 336 ทวิ, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 25490 มาตรา 55, 78, พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 4, 6, 22, 23, พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 5, 9, 11, 18
คดีนี้โจทก์ ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค.53 จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันชุมนุมตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปและมั่วสุมอยู่บริเวณที่ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถกระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ ทะเบียน ปว-2816 กรุงเทพมหานคร โดยจำเลยที่ 2 นั่งไปด้วย เข้าไปในเส้นทางที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จำเลยทั้งสองร่วมกันมีวัตถุระเบิดและเครื่องวิทยุคมนาคมชนิดมือถือโดยไม่ได้ รับอนุญาต หกพาวัตถุระเบิดและอาวุธต่างๆ ไปในเมือง หมู่บ้านฯ โดยไม่มีเหตุอันสมควร นอกจากนี้ยังงัดประตูร้านค้าเซเว่นอีเลฟเว่น เข้าไปลักทรัพย์รวม 60 รายการ เป็นเงิน 38,251 บาท เหตุเกิดที่แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน, แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม.
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามวันเวลาที่ฟ้อง มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ห้ามใช้เส้นทางตามที่กำหนด ห้ามชุมนุม ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองขับรถกระบะผ่านไปยังด่านตรวจค้นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งด่านสกัดอยู่บริเวณถนนเพชรบุรีฯ เมื่อตรวจค้นพบวัตถุระเบิด มีด ขวาน วิทยุสื่อสาร นอกจากนี้ยังมีบุหรี่ สุรา อาหารแห้ง และบัตรเติมเงินโทรศัพท์ ที่จำเลยทั้งสอง ลักทรัพย์มาจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โดยจำเลยทั้งสองยอมรับว่ากำลังเดินทางกลับจากการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนว ร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่บริเวณแยกราชประสงค์ แม้จำเลยจะให้การปฏิเสธ แต่จากคำเบิกความของพยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ขณะตั้งด่านตรวจค้น มีเจ้าหน้าที่ร่วมจับกุมหลายนาย ไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำให้จำเลยทั้งสองได้รับโทษ เชื่อว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง
พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ด้วยการทำลายสิ่งกีดกั้นตั้งแต่สองคนขึ้นไป จำคุกคนละ 5 ปี ฐานมีวัตถุระเบิด จำคุกคนละ 6 ปี ฝ่าฝืนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จำ คุกคนละ 8 เดือน มีวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาตปรับ 6,000 บาท และพาอาวุธไปในที่สาธารณะ ปรับ 100 บาท รวมจำคุกจำเลยทั้งสองเป็นเวลา 11 ปี 8 เดือน ปรับ คนละ 6,100 บาท และให้ริบของกลาง
วานนี้(27 มิ.ย.)ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ นปช.ทราบ กรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายนิสิต สินธุไพร สองแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)จำเลยคดีร่วมกันก่อการร้าย ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์ พิจารณาเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว หลังจากที่ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสองมาก่อนหน้านี้
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ถูกกล่าวหามีโทษสถานหนัก พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง มีเหตุอันควรเชื่อว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสองระหว่างพิจารณา จำเลยอาจก่อให้เกิดอันตรายกระทบต่อความสงบเรียบร้อย จึงยังไม่มีเหตุสมควรปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง
ด้าน นายวิญญัติ เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลขอให้นายจตุพร ออกจากเรือนจำมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นี้
**คุก 2 นปช.11 ปี 8 เดือน**
วันเดียวกันเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 27 มิ.ย. ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.2274/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายประสงค์ มณีอินทร์ และนายโกวิทย์ แย้มประเสริฐ เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศข้อกำหนดห้ามมิให้มีการชุมนุมฯ และการใช้เส้นทางคมนาคมฯ ร่วมกันมีวัตถุระเบิด ร่วมกันมีเครื่องวิทยุคมนาคม ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองฯ และร่วมกันลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 335, 336 ทวิ, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 25490 มาตรา 55, 78, พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 4, 6, 22, 23, พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 5, 9, 11, 18
คดีนี้โจทก์ ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค.53 จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันชุมนุมตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปและมั่วสุมอยู่บริเวณที่ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถกระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ ทะเบียน ปว-2816 กรุงเทพมหานคร โดยจำเลยที่ 2 นั่งไปด้วย เข้าไปในเส้นทางที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จำเลยทั้งสองร่วมกันมีวัตถุระเบิดและเครื่องวิทยุคมนาคมชนิดมือถือโดยไม่ได้ รับอนุญาต หกพาวัตถุระเบิดและอาวุธต่างๆ ไปในเมือง หมู่บ้านฯ โดยไม่มีเหตุอันสมควร นอกจากนี้ยังงัดประตูร้านค้าเซเว่นอีเลฟเว่น เข้าไปลักทรัพย์รวม 60 รายการ เป็นเงิน 38,251 บาท เหตุเกิดที่แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน, แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม.
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามวันเวลาที่ฟ้อง มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ห้ามใช้เส้นทางตามที่กำหนด ห้ามชุมนุม ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองขับรถกระบะผ่านไปยังด่านตรวจค้นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งด่านสกัดอยู่บริเวณถนนเพชรบุรีฯ เมื่อตรวจค้นพบวัตถุระเบิด มีด ขวาน วิทยุสื่อสาร นอกจากนี้ยังมีบุหรี่ สุรา อาหารแห้ง และบัตรเติมเงินโทรศัพท์ ที่จำเลยทั้งสอง ลักทรัพย์มาจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โดยจำเลยทั้งสองยอมรับว่ากำลังเดินทางกลับจากการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนว ร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่บริเวณแยกราชประสงค์ แม้จำเลยจะให้การปฏิเสธ แต่จากคำเบิกความของพยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ขณะตั้งด่านตรวจค้น มีเจ้าหน้าที่ร่วมจับกุมหลายนาย ไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำให้จำเลยทั้งสองได้รับโทษ เชื่อว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง
พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ด้วยการทำลายสิ่งกีดกั้นตั้งแต่สองคนขึ้นไป จำคุกคนละ 5 ปี ฐานมีวัตถุระเบิด จำคุกคนละ 6 ปี ฝ่าฝืนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จำ คุกคนละ 8 เดือน มีวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาตปรับ 6,000 บาท และพาอาวุธไปในที่สาธารณะ ปรับ 100 บาท รวมจำคุกจำเลยทั้งสองเป็นเวลา 11 ปี 8 เดือน ปรับ คนละ 6,100 บาท และให้ริบของกลาง