กระบี่ - ททท.จัดโครงการอบรม “การตลาดสมัยใหม่ เส้นทางสู่ความสำเร็จ เพื่อการท่องเที่ยวไทยยั่งยืน” เพิ่มศักยภาพผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เป็นนักการตลาดการท่องเที่ยวที่เชี่ยวชาญ สามารถดำเนินการส่งเสริมการตลาด และการขายทางการท่องเที่ยวได้อย่างเท่าทันกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและภายใต้สภาวะของการแข่งขันที่จะรุนแรงมากขึ้น อันจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
วันนี้ (16 มิ.ย.) โรงแรมพีชลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดกระบี่ นายอักกพล พฤกษะวัน ที่ปรึกษาระดับ 11 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมการตลาดท่องเที่ยวสมัยใหม่ “การตลาดสมัยใหม่ เส้นทางสู่ความสำเร็จ เพื่อการท่องเที่ยวไทยยั่งยืน” ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 16-17 มิถุนายน 2554 พร้อมผู้เข้าร่วมอบรม ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนในพื้นที่ภูมิภาคตะวันตก รวม 100 คน
นายอักกพล พฤกษะวัน ที่ปรึกษาระดับ 11 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การอบรมในหัวข้อ “การตลาดสมัยใหม่ เส้นทางสู่ความสำเร็จ เพื่อการท่องเที่ยวไทยยั่งยืน” ในครั้งนี้ ทาง ททท.เล็งเห็นว่า การตลาดในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปอย่างรวดเร็ว จากยุคของการให้ความสำคัญของผลิตภัณฑ์เป็นหัวใจหลัก เข้าสู่ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นการตลาดมุ่งเน้นลูกค้า และสู่การตลาดผลักดันคุณค่า
ดังนั้น การตลาดที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องสร้างสรรค์และนำเสนอรูปแบบการแข่งขันใหม่ที่มีลักษณะเฉพาะตัว สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งขันเพื่อสร้างสรรค์โอกาสทางการตลาด ปรับกลยุทธ์ให้ทันสมันด้วยกลวิธีใหม่ๆ สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวในปัจจุบันต้องเผชิญกับการแข่งขันทางการตลาดที่รุนแรง ททท.ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจึงได้ดำเนินการจัดกิจกรรมการสัมมนาและการอบรมให้ความรู้การตลาดการท่องเที่ยว
และมีความพยายามในการนำเสนอองค์ความรู้การตลาดแบบใหม่ๆ และคัดสรรวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อต่อยอดการบริหารการตลาดท่องเที่ยวให้กับทุกภาคส่วน อันจะเป็นการติดอาวุธและสร้างพันธมิตรทางการตลาดให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในครั้งนี้ ททท.ได้เชิญวิทยากรที่เป็นนักคิด นักการตลาด นักวางแผน มาให้ความรู้ใน 4 หัวข้อ ประกอบด้วย เคล็ดลับการมัดใจลูกค้า
จากการที่การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่นำรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศมาสู่ประเทศ ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศ ทำให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว และการดำเนินการตลาดท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ในประเทศของตนให้มากขึ้น การอบรมในหัวข้อ “การตลาดท่องเที่ยวสมัยใหม่ เส้นทางสู่ความสำเร็จ เพื่อการท่องเที่ยวไทยยั่งยืน”
ในครั้งนี้จึงนับเป็นกลยุทธ์ ที่สำคัญที่จะเพิ่มศักยภาพผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เป็นนักการตลาดการท่องเที่ยวที่เชี่ยวชาญ สามารถดำเนินการส่งเสริมการตลาดและการขายทางการท่องเที่ยวได้อย่างเท่าทันกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและภายใต้สภาวะของการแข่งขันที่จะรุนแรงมากขึ้น อันจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว และได้ดำเนินการจัดกิจกรรมการอบรมสัมมนาเพื่อให้ความรู้ด้านการตลาดการท่องเที่ยวมาโดยตลอด และมีความพยายามในการนำเสนอองค์ความรู้การตลาดท่องเที่ยวแบบใหม่ๆ และคัดสรรวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อต่อยอดการดำเนินการทางการตลาดท่องเที่ยวให้กับทุกภาคส่วน อันจะเป็นการติดอาวุธและสร้างพันธมิตรทางการตลาดให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเพื่อให้การดำเนินทางการตลาดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งในปี 2554-2559 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้กำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินงานส่งเสริมการตลาดไว้ 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
1.การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมีสมดุลในมิติทางสังคม สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจุบันสังคมโลกให้ความสำคัญกับการลดภาวะโลกร้อน การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ Corporate Social Responsibility (CSR) เพื่อรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรทางการท่องเที่ยวอันทรงคุณค่าของประเทศไทย
2.การเพิ่มการเติบโตของรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งหมายถึง การรักษาส่วนแบ่งตลาด การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าการท่องเที่ยวและเพิ่มความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวยังคงประทับใจและกลับมาเยี่ยมเยือนเมืองไทยซ้ำแล้วซ้ำอีก
3.การสร้างแบรนด์ประเทศไทยให้แข็งแกร่งและชัดเจน ทั้งการฟื้นฟูภาพลักษณ์ยกระดับความเชื่อมั่น และกำหนดจุดขายที่แตกต่างอย่างชัดเจนจากคู่แข่ง จากการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้การสร้างแบรนด์ประเทศไทย ภายใต้ธีม Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวเกิดการรับรู้ รู้จักและมีความต้องการเดินทางมาประเทศไทย และเมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวแล้วเกิดประทับใจ ก็จะนำมาสู่ความจงรักภักดีต่อประเทศไทย
4.การพัฒนาการท่องเที่ยวตามแนวทางเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ทั้งการนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ๆ ต่อยอดและเพิ่มคุณค่าจากภูมิปัญญาไทย ผสมผสานวิธีการตลาดรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
5.การให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครือข่ายและประสานความร่วมมือ ทั้งจากพันธมิตรคู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนและชุมชนท้องถิ่น
6.การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กร ทั้งระบบบริหารจัดการและศักยภาพบุคลากร ให้สามารถก้าวทันนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว และสามารถจัดการภาวะวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การดำเนินการทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ที่กล่าวมานั้น จะนำมาสู่เป้าหมายที่จะวางตำแหน่งประเทศไทยให้เป็น “แหล่งท่องเที่ยวคุณภาพที่หลากหลายให้ประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าและน่าประทับใจ”
วันนี้ (16 มิ.ย.) โรงแรมพีชลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดกระบี่ นายอักกพล พฤกษะวัน ที่ปรึกษาระดับ 11 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมการตลาดท่องเที่ยวสมัยใหม่ “การตลาดสมัยใหม่ เส้นทางสู่ความสำเร็จ เพื่อการท่องเที่ยวไทยยั่งยืน” ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 16-17 มิถุนายน 2554 พร้อมผู้เข้าร่วมอบรม ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนในพื้นที่ภูมิภาคตะวันตก รวม 100 คน
นายอักกพล พฤกษะวัน ที่ปรึกษาระดับ 11 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การอบรมในหัวข้อ “การตลาดสมัยใหม่ เส้นทางสู่ความสำเร็จ เพื่อการท่องเที่ยวไทยยั่งยืน” ในครั้งนี้ ทาง ททท.เล็งเห็นว่า การตลาดในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปอย่างรวดเร็ว จากยุคของการให้ความสำคัญของผลิตภัณฑ์เป็นหัวใจหลัก เข้าสู่ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นการตลาดมุ่งเน้นลูกค้า และสู่การตลาดผลักดันคุณค่า
ดังนั้น การตลาดที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องสร้างสรรค์และนำเสนอรูปแบบการแข่งขันใหม่ที่มีลักษณะเฉพาะตัว สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งขันเพื่อสร้างสรรค์โอกาสทางการตลาด ปรับกลยุทธ์ให้ทันสมันด้วยกลวิธีใหม่ๆ สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวในปัจจุบันต้องเผชิญกับการแข่งขันทางการตลาดที่รุนแรง ททท.ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจึงได้ดำเนินการจัดกิจกรรมการสัมมนาและการอบรมให้ความรู้การตลาดการท่องเที่ยว
และมีความพยายามในการนำเสนอองค์ความรู้การตลาดแบบใหม่ๆ และคัดสรรวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อต่อยอดการบริหารการตลาดท่องเที่ยวให้กับทุกภาคส่วน อันจะเป็นการติดอาวุธและสร้างพันธมิตรทางการตลาดให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในครั้งนี้ ททท.ได้เชิญวิทยากรที่เป็นนักคิด นักการตลาด นักวางแผน มาให้ความรู้ใน 4 หัวข้อ ประกอบด้วย เคล็ดลับการมัดใจลูกค้า
จากการที่การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่นำรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศมาสู่ประเทศ ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศ ทำให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว และการดำเนินการตลาดท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ในประเทศของตนให้มากขึ้น การอบรมในหัวข้อ “การตลาดท่องเที่ยวสมัยใหม่ เส้นทางสู่ความสำเร็จ เพื่อการท่องเที่ยวไทยยั่งยืน”
ในครั้งนี้จึงนับเป็นกลยุทธ์ ที่สำคัญที่จะเพิ่มศักยภาพผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เป็นนักการตลาดการท่องเที่ยวที่เชี่ยวชาญ สามารถดำเนินการส่งเสริมการตลาดและการขายทางการท่องเที่ยวได้อย่างเท่าทันกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและภายใต้สภาวะของการแข่งขันที่จะรุนแรงมากขึ้น อันจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว และได้ดำเนินการจัดกิจกรรมการอบรมสัมมนาเพื่อให้ความรู้ด้านการตลาดการท่องเที่ยวมาโดยตลอด และมีความพยายามในการนำเสนอองค์ความรู้การตลาดท่องเที่ยวแบบใหม่ๆ และคัดสรรวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อต่อยอดการดำเนินการทางการตลาดท่องเที่ยวให้กับทุกภาคส่วน อันจะเป็นการติดอาวุธและสร้างพันธมิตรทางการตลาดให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเพื่อให้การดำเนินทางการตลาดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งในปี 2554-2559 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้กำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินงานส่งเสริมการตลาดไว้ 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
1.การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมีสมดุลในมิติทางสังคม สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจุบันสังคมโลกให้ความสำคัญกับการลดภาวะโลกร้อน การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ Corporate Social Responsibility (CSR) เพื่อรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรทางการท่องเที่ยวอันทรงคุณค่าของประเทศไทย
2.การเพิ่มการเติบโตของรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งหมายถึง การรักษาส่วนแบ่งตลาด การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าการท่องเที่ยวและเพิ่มความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวยังคงประทับใจและกลับมาเยี่ยมเยือนเมืองไทยซ้ำแล้วซ้ำอีก
3.การสร้างแบรนด์ประเทศไทยให้แข็งแกร่งและชัดเจน ทั้งการฟื้นฟูภาพลักษณ์ยกระดับความเชื่อมั่น และกำหนดจุดขายที่แตกต่างอย่างชัดเจนจากคู่แข่ง จากการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้การสร้างแบรนด์ประเทศไทย ภายใต้ธีม Amazing Thailand ให้แข็งแกร่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวเกิดการรับรู้ รู้จักและมีความต้องการเดินทางมาประเทศไทย และเมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวแล้วเกิดประทับใจ ก็จะนำมาสู่ความจงรักภักดีต่อประเทศไทย
4.การพัฒนาการท่องเที่ยวตามแนวทางเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ทั้งการนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ๆ ต่อยอดและเพิ่มคุณค่าจากภูมิปัญญาไทย ผสมผสานวิธีการตลาดรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
5.การให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครือข่ายและประสานความร่วมมือ ทั้งจากพันธมิตรคู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนและชุมชนท้องถิ่น
6.การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กร ทั้งระบบบริหารจัดการและศักยภาพบุคลากร ให้สามารถก้าวทันนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว และสามารถจัดการภาวะวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การดำเนินการทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ที่กล่าวมานั้น จะนำมาสู่เป้าหมายที่จะวางตำแหน่งประเทศไทยให้เป็น “แหล่งท่องเที่ยวคุณภาพที่หลากหลายให้ประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าและน่าประทับใจ”