เป็นเวลาเกือบ 20 ปีมาแล้วที่ “วังรี รีสอร์ต” ใน อ.เมือง จ.นครนายก ได้เปิดบริการเป็นสถานที่บ่มเพาะความรู้ และฝึกอาชีพ ภายใต้วิถีสอดคล้องและเคารพต่อธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เพราะเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะนำมาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตั้งแต่ระดับบุคคล ชุมชน ต่อเนื่องไปถึงระดับประเทศ
“ทุนที่มีค่าที่สุดของประเทศ คือ คน” นี่เป็นแนวคิดสำคัญเบื้องต้นในการกำเนิด “วังรี รีสอร์ต” บุกเบิกโดย รศ.ดร.กนกวรรณ วรรธนะศักดิ์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และการเกษตร
รศ.ดร.กนกวรรณ ขยายความว่า เมื่อประมาณพ.ศ.2537-2538 เศรษฐกิจของประเทศไทย กำลังเติบโตอย่างร้อนแรง โดยส่วนตัวเชื่อมั่นว่า การเติบโตที่จะยั่งยืนได้ ต้องเกิดจากคนในชาติมีศักยภาพสูง ซึ่งการอบรมเพิ่มความรู้เป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้น ได้พัฒนาที่ดินของครอบครัวที่ ต.เขาพระ อ.เมือง จ.นครนายก เปิดเป็นรีสอร์ตและศูนย์อบรมสัมมนา โดยเบื้องต้นรองรับผู้เข้าพักได้ประมาณ 50 คน แต่ด้วยกระแสเศรษฐกิจขาขึ้นเวลานั้น ทำให้มีปริมาณความต้องการเข้าพักสูงมาก จึงทยอยเพิ่มห้องพักและขยายห้องอบรมมากขึ้นตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทยเกิดขึ้นหลังวิกฤตฟองสบู่แตก ผู้คนจำนวนมากต้องตกงาน รีสอร์ตแห่งนี้จึงปรับบทบาทตัวเอง จากศูนย์อบรมสัมมนา เพิ่มเติมเป็นศูนย์ฝึกอาชีพด้วย
“ตอนนั้น ทุกคนกำลังแย่หมด เราจึงติดต่อไปยังกระทรวงแรงงาน เพื่อหาแนวทางสร้างอาชีพให้แก่ผู้ตกงาน โดยให้ทางกระทรวงแรงงานส่งคนเข้ามาฝึกอบรมอาชีพกับเรา ซึ่งจากบทเรียนที่ผ่านมา ทำให้ทุกฝ่ายตระหนักว่า การพัฒนาที่เหมาะสมกับประเทศไทยอย่างแท้จริงต้องอยู่บนพื้นฐานเกษตรกรรม โดยใช้เทคโนโลยีเพิ่มมูลค่า และทั้งหมดต้องอนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดความยั่งยืน” ผู้บุกเบิกวังรี รีสอร์ต กล่าว และอธิบายต่อว่า
ด้วยแนวคิดดังกล่าว หลักสูตรฝึกอาชีพจึงเน้นไปที่การแปรรูปผลผลิตการเกษตรเป็นทั้งอาหาร และเครื่องใช้ โดย รศ.ดร.กนกวรรณ ระบุว่า การเลือกทำหลักสูตรต่างๆ จะพิจารณาจากทั้งความต้องการของกลุ่มผู้อบรม ทรัพยากรที่เหมาะสมในท้องถิ่นของผู้อบรม และความต้องการของตลาด เพื่อที่จะให้ผู้ผ่านการอบรมไปแล้ว สามารถใช้วิชาสร้างความสำเร็จในท้องถิ่นของตัวเองได้จริงๆ
สำหรับทีมวิทยากรนั้น จะมีทั้งบุคลากรของวังรีฯ เอง และว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากภายนอก โดยมีหลักสูตรอาชีพหลากหลาย เช่น แปรรูปผักผลไม้ แปรรูปเนื้อสัตว์ สิ่งทอ เบเกอรี่ จักสาน ยาสมุนไพร สปา นวดแผนไทย ฯลฯ เรียนจบได้รับประกาศนียบัตรรับรองนำไปประกอบอาชีพ นอกจากนั้น ยังต่อยอดช่วยด้านการตลาด ออกแบบบรรจุภัณฑ์ โลโก้ เป็นต้น โดยกลุ่มผู้เข้ารับการอบรมส่วนใหญ่ คือ ชาวบ้านหรือกลุ่มแม่บ้านตามโครงการส่งเสริมจากภาครัฐ และหน่วยราชการในท้องถิ่น
ภายในรีสอร์ตแห่งนี้ ยังพยายามเป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่า การพัฒนาให้เกิดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับการอนุรักษ์ธรรมชาติสามารถทำได้จริง ตัวอย่างเช่น มีการทำแปลงปลูกผัก สวนผลไม้ เลี้ยงสัตว์ต่างๆ ทั้งหมดทำโดยเกษตรอินทรีย์ ผลผลิตที่ได้สามารถเลี้ยงพนักงานรีสอร์ตกว่า 200 คน บางส่วนนำไปประกอบอาหารให้แก่แขกที่เข้าพัก นอกจากนั้น ยังใช้แปรรูปเป็นสินค้าสร้างรายได้เสริม และกระตุ้นการค้าขายเกิดการหมุนเวียนในท้องถิ่น มีผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อระดับประเทศ เช่น ไส้กรอกเยอรมัน และเบเกอรี่ เป็นต้น วางขายทั้งในรีสอร์ต ร้านค้าของฝากใน จ.นครนายก และงานแฟร์สินค้าชุมชน เป็นต้น
นอกจากนั้น กระบวนการแปรรูปต่างๆ ล้วนใช้วิธีธรรมชาติ เช่น อบแห้งผักผลไม้ โดยตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ ส่วนขยะและเศษอาหารจะหมักเป็นปุ๋ยชีวภาพ ใช้ใส่พืชผลเกษตรภายในรีสอร์ต ทำให้ของเหลือทิ้งต่างๆ ถูกนำมารีไซเคิลใช้ใหม่ได้ทั้งหมด
ปัจจุบัน วังรี รีสอร์ต มีเนื้อที่รวมกว่า 500 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ส่วนพัฒนาใช้งานประมาณ 100 ไร่ ส่วนที่เหลือปล่อยตามธรรมชาติเพื่อคงอนุรักษ์สภาพแวดล้อม มีห้องพักรวมกว่า 600 ห้อง รองรับผู้เข้าสัมมนาอบรมได้กว่าพันคน โดยกลุ่มผู้เข้าใช้บริการหลัก ได้แก่ กลุ่มสัมมนาอบรม กลุ่มเข้าฝึกอบรมอาชีพ และนักท่องเที่ยวทั่วไป อัตราค่าบริการจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการเข้าพัก และระยะเวลาเข้าพัก
รศ.ดร.กนกวรรณ กล่าวในตอนท้ายว่า อนาคตอันใกล้จะเพิ่มเติมภาคการแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตรมากยิ่งขึ้น เน้นสร้างรายได้ให้แก่ท้องถิ่นและชุมชน อีกทั้ง ในส่วนการฝึกอบรม จะต่อยอดประสานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รองรับผู้เรียนจบให้มีแหล่งเข้าทำงานทันที ซึ่งจะทำให้การสร้างคนและสร้างงานสมบูรณ์ครบวงจร
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โทร.037-386-406-9, 089-668-4446 และ http://wangree-resort.com